
ชูศักดิ์เผยทุกพรรคปรองดอง ร่วมเป็นเจ้าภาพยื่นแก้ รธน.รายมาตรา ปมจริยธรรม-ซื่อสัตย์สุจริตให้รัดกุม ป้องกันตีความกว้าง เตรียมทำประชามติพร้อมแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้นปีหน้า ช่วงเดียวกับเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศ
วันที่ 16 กันยายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ พ.ศ. .. ผ่านการพิจารณาของสภาว่า ต้องรอกฎหมายดังกล่าววุฒิสภาจะแก้ไขหรือไม่ หากมีการแก้ไขต้องกลับมาที่สภา เพื่อมาหารือว่าจะแก้ไขตามที่วุฒิสภาแก้ไขหรือไม่ แต่ สส.ก็ยืนยันว่าการใช้เสียงข้างมากธรรมดาเป็นสิ่งที่ดีกว่า และเป็นหลักสากล
ทั้งนี้ สมมติว่าหากร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ ขั้นตอนที่ 1 ทำประชามติสอบถามประชาชนตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าต้องการจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ หากเห็นชอบจะไปสู่ขั้นตอนที่ 2 คือแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยต้องทำประชามติครั้งที่ 2 หากประชาชนเห็นชอบ สสร.ก็จะยกร่างรัฐธรรมนูญจนให้แล้วเสร็จ จากนั้นก็จะทำประชามติครั้งที่ 3 ซึ่งกระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญคาดว่าจะใช้เวลาพอสมควร
เมื่อถามว่า พรรคประชาชนยังติดใจคำถามประชามติครั้งแรกห้ามแก้ไขหมวด 1 หมวด 2 นายชูศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้เคยเป็นมติ ครม. ตั้งรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ดังนั้น รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร นี้ก็ต้องยืนตามนี้ อย่างไรก็ตาม จะมีเรื่องการแก้ไขหมวด 1 หรือหมวด 2 หรือไม่นั้น ท้ายสุดเมื่อแก้ไขมาตรา 256 ก็ต้องเขียนระบุไว้อยู่แล้ว
นายชูศักดิ์กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ได้รับการประสานกับพรรคประชาชน เขามีความคิด ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยเฉพาะมาตรฐานจริยธรรม และเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้ โดยจะเป็นการแก้ไขถ้อยคำให้รัดกุม ไม่ให้เกิดการตีความที่กว้างขวาง ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลไปพอสมควรแล้ว ซึ่งทุกพรรคการเมืองในสภาจะเป็นเจ้าภาพร่วมกัน
เมื่อถามว่ากรอบเวลาในการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราจะเป็นอย่างไร นายชูศักดิ์กล่าวว่าอยากจะทำให้เร็ว แต่เราต้องถามประชามติไป เพราะเป็นการแก้ไขเรื่องคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยจะทำไปพร้อมกับการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งคาดว่าทำในช่วงเดียวกับการเลือกตั้ง อบจ.ในต้นปีหน้า หรือ 2568 เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ โดยเรื่องการแก้ไขรายมาตราจะทำประชามติเพียงครั้งเดียว