
การแต่งตั้ง ผบ.เหล่าทัพ ในยุครัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ที่มี ภูมิธรรม เวชยชัย นั่งเก้าอี้เป็นรองนายกฯ ควบกลาโหม ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง
เพราะต้องไม่ลืมว่าในอดีตของพรรคเพื่อไทย ถูกรัฐประหารมาแล้ว 2 ครั้ง
ครั้งแรก ในยุครัฐบาลไทยรักไทย มี “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่สอง ในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย มี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี
ดังนั้น การวางหมากวางตัว-หัวขบวนกองทัพที่จะทำงานร่วมกันกับรัฐบาลในช่วงเวลา 2 ปี 8 เดือน จึงสำคัญยิ่ง พอ ๆ กับเรื่องงบประมาณกองทัพ ที่อาจต้องประนีประนอม ตราบใดเส้นของกองทัพยังคาบเกี่ยวกับการเมือง
เมื่อส่องงบประมาณกระทรวงกลาโหมในยุครัฐบาลแพทองธาร และยามที่ได้มีผู้บังคับบัญชาหน่วยคุมกำลังใหม่ ทั้งกองทัพบก เรือ อากาศ
โดยกระทรวงกลาโหมได้งบฯทั้งหมด 91,451,568,400 บาท แบ่งได้ดังนี้
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้รับงบฯ รวม 5,425,917,400 บาท
• แผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง 4,262,409,800 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้างความมั่นคงของ สถาบันหลักของชาติ 17,753,200 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศและความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ 1,108,319,600 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ 37,434,800 บาท
กองบัญชาการกองทัพไทย ได้รับงบฯ รวม 7,403,089,200 บาท
• แผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง คือ 1,422,428,400
• แผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้างความมั่นคงของ สถาบันหลักของชาติ 58,195,400 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศและความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ 5,851,621,800 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ 70,843,600 บาท
กองทัพบก ที่มีการแต่งตั้ง พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เป็นผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว เป็นประธานที่ปรึกษากองทัพบก พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร เป็นรองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.วสุ เจียมสุข เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พล.ท.ธงชัย รอดย้อย เป็นเสนาธิการทหารบก
ขณะที่ พล.ท.อมฤต บุญสุยา เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 4
ได้รับงบฯทั้งสิ้น 35,759,917,300 บาท แบ่งเป็น
• แผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง 13,337,546,100 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ 286,950,000 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหา ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง 3,289,699,800 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศและความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ 18,828,450,000 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 17,271,400 บาท
กองทัพเรือ มีการตั้ง พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เป็นรองผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เป็นประธานที่ปรึกษากองทัพเรือ พล.ร.ท.พิจิตต ศรีรุ่งเรือง เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารทหารเรือ พล.ร.ท.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เป็นเสนาธิการทหารเรือ
พล.ร.ท.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช เป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ
ได้รับงบฯทั้งสิ้น 19,657,849,800 บาท แบ่งเป็น
• แผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง 4,082,245,200 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ 393,550,000 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศและความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ 15,002,554,600 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 179,500,000 บาท
กองทัพอากาศ มีการตั้ง พล.อ.อ.ชัยนาท ผลกิจ เป็นรองผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.ท.คิดควร สดับ เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.เสกสรร คันธา เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.มนัท ชวนะประยูร เป็นประธานที่ปรึกษากองทัพอากาศ พล.อ.ท.วชิระพล เมืองน้อย เป็นเสนาธิการทหารอากาศ พล.อ.อ.ไวพจน์ เกิงฝาก เป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ
ได้รับงบฯทั้งสิ้น 22,507,412,200 บาท แบ่งเป็น
• แผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง 3,678,179,800 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ 71,723,800 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศและความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ 18,713,159,800 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 26,349,600 บาท
ขณะที่ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ได้รับงบฯ 697,382,500 บาท แบ่งเป็น
• แผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง 69,154,200 บาท
• แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศ และความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ 628,228,300 บาท