พร้อมพงศ์ จ่อยื่น ป.ป.ช. สอบ “ประวิตร” ใช้คนอื่นเสียบบัตรเข้าประชุมแทน

พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์
พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์

เสด็จพี่พร้อมพงศ์ปิดเกม พล.อ.ประวิตร เตรียมยื่น ป.ป.ช. ตั้งข้อสังเกตใช้ สส. หรือเจ้าหน้าที่สภาเสียบบัตรเข้าประชุมแทน

วันที่ 25 กันยายน 2567 ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือพร้อมหลักฐานให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อสอบจริยธรรม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กรณีไม่มาประชุมสภา

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า การมายื่นขอให้ตรวจสอบวันลา มา ขาด ของ พล.อ.ประวิตรไม่ได้มีอคติ หรือมีเจตนาจะใส่ร้ายป้ายสี แต่พฤติกรรมเช่นนี้ถือว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติหน้าที่ สส. ซึ่งกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน จึงขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 40(2) ออกมาปกป้องผลประโยชน์ของรัฐยื่นตรวจสอบการทำหน้าที่ สส.ของ พล.อ.ประวิตร ว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับของสภา รวมถึงการปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

จากข้อมูลวันลา มา ขาดในการเข้าประชุมสภาที่ได้มาจากสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน พบว่า พล.อ.ประวิตรลงชื่อมาประชุมโดยใช้บัตรลงทะเบียน 11 ครั้ง ลาป่วย 1 ครั้ง ลากิจ 83 ครั้ง รวมวันขาดประชุมโดยน่าจะใช้การลาเป็นฉากบังหน้าทั้งหมด 84 ครั้ง

จากวันประชุมรวม 95 ครั้ง ที่สำคัญมีอยู่หนึ่งสมัยประชุม พล.อ.ประวิตรลาทั้งสมัยประชุมครบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยอ้างเหตุผล “ติดภารกิจ ซึ่งการลาแบบนี้น่าจะถือเป็นการลาที่น่าจะมีเจตนาพิเศษ น่าจะเป็นการจงใจขาดประชุม โดยใช้การลาเป็นฉากบังหน้า และน่าจะมีการใช้อำนาจแทรกแซงเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อดำเนินการอย่างเป็นระบบ

เป็นการกระทำที่ขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ว่า สส.จะขาดประชุมได้ไม่เกิน 1 ใน 4 ของจำนวนวันประชุมในสมัยประชุม และข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ สส.ที่ระบุว่า สส.ต้องอุทิศเวลาให้กับการประชุม ต้องไม่ขาดการประชุมโดยไม่จำเป็น เว้นแต่เจ็บป่วย หรือมีเหตุสุดวิสัย

ADVERTISMENT

“ผมพบข้อมูลว่าในวันที่ พล.อ.ประวิตรแจ้งลาติดภารกิจไม่เข้าประชุมสภา บางวันก็ไปนั่งเชียร์วอลเลย์บอลผ่านออนไลน์ เปิดบ้านป่ารอยต่อให้คนไปอวยพรวันเกิด ผมขอถามหน่อยว่าอวยพรตอนกลางคืนไม่ได้หรอ และอีกหลาย ๆ วันก็พบว่าลาเพื่อไปประชุมพรรค แบบนี้เขาเรียกว่าเหตุสุดวิสัยหรือไม่

ที่สำคัญการขาดประชุมโดยใช้การลาน่าจะเป็นฉากบังหน้า ลาติดต่อกันทั้งสมัยประชุม ถือได้ว่าพลเอกประวิตรขาดสมาชิกภาพการเป็น สส.แล้ว ผมหวังว่ากรรมการจริยธรรมจะตรวจสอบเรื่องนี้แบบตรงไปตรงมา ไม่ช่วยเหลือให้พ้นผิดจนเสียเกียรติภูมิของสภา” นายพร้อมพงศ์กล่าว

ADVERTISMENT

นายพร้อมพงศ์กล่าวด้วยว่า ยิ่งในวันที่ลงชื่อมาประชุมยิ่งน่าสงสัย เพราะจากการตรวจสอบกับเพื่อน สส.หลายคน รวมถึงคนระดับประธานวิปรัฐบาล พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเห็น พล.อ.ประวิตรมาอยู่ในห้องประชุมเลย แต่กลับมีคนเห็นลับ ๆ ล่อ ๆ ที่ห้องหลังบัลลังก์ประธานสภาในบางครั้ง

“ผมทราบจากแหล่งข่าวว่าการมาประชุมสภาของ พล.อ.ประวิตรเป็นเหมือนเหยี่ยว คือโฉบรถมาเซ็นชื่อชนิดที่ไม่ต้องลงจากรถจริงหรือไม่ แถมมีคนเอาบัตรประจำตัว สส.ไปสแกนให้จริงหรือไม่ ซึ่งผมขอตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือไม่ก็อาจจะเป็น สส.คนใดคนหนึ่ง

เพราะในจุดที่สแกนบัตร คนนอกไม่สามารถเข้าไปได้ เข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 ซึ่งผมจะไปยื่นเรื่องขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ช่วยตรวจสอบ ค้นหาความจริงเรื่องนี้ในวันศุกร์นี้ โดยกรณีเสียบบัตรแทนกัน ศาลก็เคยมีคำพิพากษาแล้วว่าเป็นอย่างไร” นายพร้อมพงศ์กล่าว

นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า การที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าตนไม่มีอะไรมาตรวจ พวกตนเป็นยามเฝ้าสภาหรืออย่างไรถึงมาตรวจสอบการทำหน้าที่ของ พล.อ.ประวิตร ซึ่งตนไม่ได้เป็นยาม เพราะสภามีระบบในการตรวจสอบอยู่แล้ว

“ผมขอเรียกร้องและวิงวอน ถ้าลาแบบนี้ ลาโดยใช้วิธีพิเศษที่น่าจะไม่เป็นวิธีการปกติทางกฎหมาย ลาออกเถอะ ลาออกจากความเป็น สส. แล้วเลื่อนคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในลำดับถัดไปให้มาทำหน้าที่ เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติสง่างาม” นายพร้อมพงศ์กล่าว

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า อยากให้ท่านออกมาแถลง อย่ามาตอบโต้ หรืออย่ามาฟ้องพวกตน เสียเวลา ฟ้องมาตนฟ้องกลับ ไม่กลัวอยู่แล้ว ตนพร้อมที่จะปกป้องหากประชาชนเสียผลประโยชน์

”ที่นายไพบูลย์บอกจะฟ้องผม รีบด้วยนะครับ เพราะฟ้องมาผมจะฟ้องกลับ แจ้งความเมื่อไหร่ ผมจะแจ้งความกลับวันนั้น และจะแจ้ง พล.อ.ประวิตรด้วย เพราะมอบหมายมาในข้อหาแจ้งเท็จ รวมถึงเรื่องหมิ่นประมาทด้วย“ นายพร้อมพงศ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลักฐานมัดว่ากรณี 11 ครั้งที่ พล.อ.ประวิตรลงชื่อเข้าประชุม เป็นการเสียบบัตรแทนกัน นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า “เอาว่าในเชิงลึก ป.ป.ช.ต้องสอบ ผมต้องไปสาบานตนและให้ปากคำ เรื่องนี้น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือ สส.ปัจจุบันเท่านั้น คนอื่นจะเข้าไปลงชื่อไม่ได้ ซึ่งผมจะอ้างพยานหลักฐานหลายคนตอนไปให้ปากคำกับ ป.ป.ช.”