
นายกฯ กล่าวถ้อยแถลงประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน มุ่งเน้นการบูรณาการเศรษฐกิจ สานสัมพันธ์ประชาชนและความร่วมมือด้านความมั่นคง ย้ำความสัมพันธ์อาเซียน-จีนเป็นฐานสันติภาพและความเจริญในภูมิภาค
วันที่ 10 ตุลาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติ (NCC) นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 27 โดยมีนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เข้าร่วมด้วย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญว่า การประชุมวันที่ 2 นี้ ในช่วงเช้าเป็นการประชุมผู้นำอาเซียน กับนายกรัฐมนตรีของจีน น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ความสัมพันธ์อาเซียน-จีน เป็นรากฐานสำคัญของสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
ซึ่งยังมีศักยภาพอีกมากที่จะพัฒนาร่วมกัน ในการสร้างประโยชน์ร่วมกันระหว่างสมาชิกอาเซียนกับจีน ผ่านการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน เพื่อความสันติภาพ ความมั่นคง ความเจริญรุ่งเรือง การพัฒนาที่ยั่งยืน และมิตรภาพ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด “บ้าน 5 หลัง” (Five-Homes) ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำความร่วมมือที่ให้ความสำคัญ 3 ประการ ดังนี้
1.การบูรณาการทางเศรษฐกิจและความเชื่อมโยง (Economic Integration and Connectivity) นั้นประเทศไทยยินดีต่อความสำเร็จของการเจรจายกระดับ FTA อาเซียน-จีน 3.0 ซึ่งอาเซียนและจีนควรใช้ประโยชน์จาก RCEP ซึ่งประเทศไทยสนับสนุนการรวบรวมสมาชิกใหม่ที่รวมไปถึงเขตบริหารพิเศษฮ่องกงด้วย
ทั้งนี้ การจะบรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนได้นั้น ต้องมุ่งเน้นการบูรณาการห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว โดยจะต้องส่งเสริมความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงทางดิจิทัล เทคโนโลยี AI และเกษตรอัจฉริยะ
2. ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน (People-to-People Relations) ประเทศไทยยินดีต่อความสำเร็จในปีนี้ ซึ่งเป็นปีแห่งความร่วมมืออาเซียน-จีนว่าด้วยการแลกเปลี่ยนระหว่าประชาชน (ASEAN-China Year of People-to-People Exchanges) ซึ่งต้องเสริมสร้างความเข้าใจ ความรัก ความสามัคคีของประชาชนในประชาคมอาเซียนกว่า 700 ล้านคน โดยจะดำเนินมาตรการยกเว้นวีซ่าอย่างต่อเนื่อง เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน และขยายโอกาสในการรับทุนการศึกษา
3.ด้านความร่วมมือด้านความมั่นคง (Security Cooperation) ควรเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการจัดการกับประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นอาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด และการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งประเทศไทยยินดีต่อการมีส่วนร่วมของจีนในความพยายามของอาเซียนที่จะจัดการกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาหมอกควันข้ามแดนและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาของเราขึ้นอยู่กับสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค สถานการณ์ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้เป็นสาเหตุของความกังวลร่วมกัน ซึ่งจุดยืนตามหลักการของประเทศไทยคือ การยุติข้อพิพาทอย่างสันติผ่านการทูต การเจรจา และตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS) โดยต้องดำเนินความร่วมมือแบบ Win-Win อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจและความเชื่อมั่น”
สำหรับสถานการณ์ในเมียนมานั้น ประเทศไทยยืนยันความมุ่งมั่นต่อฉันทามติ 5 ข้อ (Five-Point Consensus) เพื่อช่วยเมียนมาหาทางออกอย่างสันติที่นำโดยเมียนมาและเป็นของเมียนมาเอง ซึ่งไทยชื่นชมบทบาทที่แข็งขันของประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมา รวมถึงจีนในการมุ่งสู่เป้าหมายนี้