
อนุทิน เผย ก.ต่างประเทศ เข้าแจงวงพรรคร่วม ปม MOU 2544 ยันไม่เกี่ยวที่ดินเกาะกูด-ชี้ต้องตั้งคณะกรรมการ ไทย-กัมพูชา เจรจาจัดสรรผลประโยชน์ขุมทรัพย์ใต้ทะเลร่วมกัน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ที่ประชุมได้มีการพูดถึงพื้นที่ผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล MOU 2544 บริเวณเกาะกูด จ.ตราด ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ มาชี้แจงเชิงเทคนิคให้กับพรรคร่วมรัฐบาลได้ฟัง และจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่ แทนชุดเดิมที่สิ้นสุดตามวาระรัฐบาล ซึ่งเมื่อนายกฯ เข้ามาไม่ถึง 2 เดือน ก็อยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะกรรมการชุดนี้
ทั้งนี้ ยืนยันว่า เกาะกูด เป็นอำเภอที่ถูกยกระดับจากกิ่งอำเภอ ไม่มีช่วงใดที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่าเกาะกูด เป็นของแผ่นดินอื่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรไทย พร้อมระบุว่ามันเป็นประเด็นที่ยกขึ้นมาจากอะไรตนไม่ทราบ และ MOU 2544 ก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเกาะกูด เป็นเพียงการลงนามข้อตกลงหาวิธีการพัฒนาพลังงานในอ่าวไทย ระหว่างสองประเทศ ซึ่งมีกรอบอยู่เพียงเท่านี้ คือ เรื่องการพัฒนาพื้นที่ในทะเล ไม่ใช่พื้นที่ที่เป็นแผ่นดิน ฉะนั้นต้องยกเรื่องเกาะกูดและเขตแดนออกไป เพราะมันเป็นพื้นที่ทางทะเล
เมื่อถามย้ำว่า MOU 2544 เป็นการพูดถึงทรัพยากรใต้ทะเล นายอนุทิน ได้พยายามอธิบายการลากเขตแดน เมื่อลากกันคนละเส้น จึงจำเป็นต้องทำ MOU เพื่อมีกรรมการทั้ง 2 ประเทศ เพื่อหาข้อยุติให้ได้ และให้เห็นพ้องร่วมกันทั้งสองฝ่าย แต่ก็มีช่องที่เปิดไว้เป็นข้อตกลงว่าส่วนที่ยังไม่เห็นพ้องจะสามารถร่วมกันพัฒนาร่วมกันได้หรือไม่ หรือจะตกลงผลประโยชน์กันอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องการเจรจาของทางคณะกรรมการ
“ตอนนี้เขาตีมาเส้นหนึ่งตั้งแต่ปี 2515 เราก็ตีไปอีกเส้นหนึ่งตั้งแต่ปี 2516 เขาตีเฉียงมาทางเราเยอะ เราเองก็ตีไปข้างล่าง การตี 2 เส้นไม่เท่ากัน ทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อน จึงต้องมาคุยการคุยก็มีการกำหนดกรอบไว้ว่ามี MOU 2544 เพื่อให้หาบทสรุป แต่ตอนนี้ยังหาบทสรุปไม่ได้ ก็ต้องคุยกันต่อไป”
เมื่อถามว่า รัฐบาลนี้จะหาบทสรุปในเรื่องนี้ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มันต้องเป็นการเจรจา ไม่ใช่กำหนดฝ่ายเดียว ถ้าเจรจาไม่ได้ก็ต้องเจรจาต่อ หากรอบที่ 1 ไม่ได้ก็ต้องรอบ 2 รอบ 3 รอบ 4 และระหว่างเจรจา ต้องมาดูว่าจะสามารถพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนร่วมกันได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องมีการสำรวจหรือหาผลตอบแทนทางเศรษฐกิจได้หรือไม่ ถ้าได้แล้วจะแบ่งปันผลประโยชน์จากพื้นที่ตรงนั้นได้อย่างไร สุดท้ายก็ต้องจบที่คำว่า “ก็ต้องเจรจาไปจนกว่าจะได้ข้อตกลงร่วมกัน”