‘มาริษ’ เชื่อสัมพันธ์ ไทย-สหรัฐ จะเข้มข้น-ร่วมมือดี หลังได้ ‘ปธน.อเมริกาฯ’ ใหม่

รมว.ต่างประเทศ ย้ำไม่ว่าใครเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ไทยพร้อมให้ความร่วมมือ หลังผลนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ‘โดนัล ทรัมป์‘ ชนะเลือกตั้ง ยัน เดินหน้าสานความสัมพันธ์เข้มแข็ง ส่งผลดีประชาชนทั้งสองประเทศ

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา อย่างไม่เป็นทางการ ภายหลังผลการนับคะแนนการเลือกตั้ง ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐทและตัวแทนผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ได้ 267 คะแนน พร้อมประกาศชัยชนะ ว่า

ถึงแม้ผลการเลือกตั้งจะออกมายังไม่เป็นทางการ แต่ขณะนี้สามารถที่จะสรุปได้ว่านาย โดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง รวมถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ทวีตข้อความแสดงความ ยินดีกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไปแล้ว

ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมที่จะดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยทำงานร่วมกันกับกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ และอย่างที่ตนได้เคยให้สัมภาษณ์ ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ รวมถึงไม่ว่าใครจะเป็นผู้นำของทุกประเทศ ประเทศไทยก็พร้อมที่จะดำเนินความสัมพันธ์และร่วมมือกับทุกประเทศ เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ที่ประเทศไทยพร้อมจะเสริมสร้างมีความร่วมมือกับสหรัฐฯ เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่นมาเป็นระยะเวลาอันช้านาน

ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เป็นความสัมพันธ์ในลักษณะพิเศษ มีความตกลงร่วมกันมาตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นใครจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือเป็นผู้นำก็เชื่อมั่นว่าการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ จะเป็นไปอย่างเข้มข้นและมีความร่วมมือกันอย่างดีจากประวัติความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างช้านาน

ส่วนจะส่งผลอย่างไรในมิติทางเศรษฐกิจ และมติเชิงภูมิรัฐศาสตร์ นายมาริษ กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลใหม่สหรัฐฯ ซึ่งยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกา จะมีนโยบายเช่นไร ทั้งเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ โดยไทยได้วางเป้าหมายที่จะดำเนินความสัมพันธ์อย่างเข้มแข็งระหว่างไทยกับสหรัฐฯ

Advertisment

ส่วนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจไทยพร้อมที่จะผลักดันให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจร่วมกัน รวมถึงส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนการทำธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการของไทยและผู้ประกอบการของสหรัฐฯ ตนเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์อันดีจะส่งผลกับประชาชนทั้งสองประเทศทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจและการทำธุรกิจร่วมกันให้เป็นไปอย่างยั่งยืน