นายกฯ พบค่ายหนังยักษ์ใหญ่สหรัฐ ชวนถ่ายทำในไทย พร้อมหนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร

นายกฯ พบผู้บริหารระดับสูงบริษัทผลิตภาพยนตร์ชั้นนำสหรัฐ ยันไทยพร้อมเป็นฮับถ่ายทำ โชว์สร้าง Soft Power ทำรายได้เข้าประเทศ-ขณะที่ผู้บริหารภาพยนตร์สหรัฐชมนโยบายรัฐบาลไทยโดดเด่นในภูมิภาค

พร้อมผลักดันไทยเป็นฮับถ่ายทำภาพยนตร์ สร้าง Soft Power และรายได้เข้าสู่ประเทศ ขณะที่ผู้บริหารภาพยนตร์ชั้นนำสหรัฐชมนโยบายรัฐบาลส่งไทยโดดเด่นในภูมิภาค

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงรับรองเพื่อสร้างเครือข่าย (Networking Reception) กับนายชาร์ลส์ เอช. ริฟกิน ผู้บริหารบริษัทโมชั่น พิกเจอร์ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทภาพยนตร์ชั้นนำของสหรัฐ และบริษัทสร้างภาพยนตร์อื่น ๆ ประกอบด้วย บริษัท วอลต์ดิสนีย์, เอชบีโอ เอชบีโอแม็ก และบริษัท วอร์เนอร์บราเธอส์, บริษัท อเมซอน และ เอ็มจีเอ็ม สตูดิโอส์, บริษัท เอ็นบีซียูนิเวอร์แซล มีเดีย จำกัด, บริษัท เน็ตฟลิกซ์, บริษัท โซนี่พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนต์, บริษัท พาราเมาต์พิกเจอส์ ณ โรงแรมเบเวอร์ลี่ วิลเชอร์ อะ โฟร์ซีซันส์ (วันนี้ 12 พ.ย. 2567 เวลา 10.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นนครลอสแองเจลิส ซึ่งช้ากว่าไทย 15 ชั่วโมง)

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการถ่ายทำภาพยนตร์ว่า เป็นหนึ่งในภาคส่วนที่จะส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ซึ่งไทยสามารถเรียนรู้จากสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่มีซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก

นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมา มีการถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 450 เรื่องจาก 40 ประเทศในประเทศไทย สร้างรายได้ประมาณ 190 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งผู้สร้างภาพยนตร์สหรัฐเป็นกลุ่มนักลงทุนอันดับหนึ่ง โดยมีภาพยนตร์ 34 เรื่องที่ถ่ายทำในไทย

โดยรัฐบาลส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย โดยไทยทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย อาทิ เพิ่มสิทธิประโยชน์ในรูปแบบของการคืนเงินสูงสุดที่อัตราร้อยละ 30 และไม่กำหนดเพดานคืนเงินสูงสุดต่อโครงการด้วย

ADVERTISMENT

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร

โดยนายชาร์ลส์ เอช. ริฟกิน กล่าวชื่นชมนโยบายไทยในการเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการถ่ายทำภาพยนตร์ รัฐบาลยิ่งเพิ่มแรงจูงใจให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในระดับสากล ทำให้ไทยเป็นตัวเลือกของสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่มีความโดดเด่นในภูมิภาคได้มากขึ้น และจะช่วยรับประกันการลงทุนในอนาคตที่มากขึ้น

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ ยังรู้สึกตื่นเต้นมากหากจะได้ร่วมงานกับประเทศไทยมากขึ้น โดยบริษัทได้เข้ามาลงทุนในการสร้างภาพยนตร์ในไทย มีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นโดยเฉลี่ยประมาณ 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และช่วยเสริมสร้างทักษะของบุคคลและสร้างงานในท้องถิ่น เชี่อว่าการหารือเพิ่มเติมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับทั้ง 7 บริษัทที่มาในวันนี้จะสามารถให้การสนับสนุน Soft Power ไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีได้ถ่ายรูปร่วมกับคณะนักดนตรีไทยที่มาโชว์การแสดง และได้ทดลองตีขิม พร้อมระบุว่าเคยเล่นในสมัยเรียน ตอนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ ซึ่งได้รับเสียงปรบมือจากผู้เข้าร่วมงาน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร