นายกฯ หารือ US-APEC Business Coalition พร้อมยกระดับการลงทุน

นายกฯ หารือ US-APEC Business Coalition สานต่อความร่วมมือไทย-สหรัฐ พร้อมยกระดับการลงทุนร่วมมากขึ้น มั่นใจปีต่อไปไม่น้อยกว่าปีที่แล้วที่ไทย-สหรัฐค้าขายกันกว่า 5 แสนล้านบาท

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่างเดินทางไปประชุมที่สาธารณรัฐเปรู ได้เข้าร่วมการหารือกับ US-APEC Business Coalition

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณผู้บริหาร US-APEC Business Coalition ที่เป็นพันธมิตรอันแน่นแฟ้นกับประเทศไทย และยังเป็นเจ้าภาพในการหารือในวันนี้ ที่ผ่านมาได้มีการหารือกับฝ่ายสหรัฐอเมริกาหลายครั้ง ทั้งจากฝ่ายบริหารและภาคเอกชน โดยรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความต่อเนื่องของนโยบาย การเจรจาและการมีส่วนร่วมกับธุรกิจยังคงมีความสำคัญมาก และขอเน้นย้ำว่า “โอกาส” ”ความพร้อม“ และ ”ความเชื่อมั่น“ นั้นประเทศไทยเปิดกว้างสำหรับธุรกิจและการลงทุน และพร้อมมุ่งขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจร่วมกันกับสหรัฐ

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและสหรัฐ โดยการลงทุนของสหรัฐในไทยนั้น ได้สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการทำงานอย่างมีนัยสำคัญ และย้ำถึงการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ “ต่อเนื่อง” ในการส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในสหรัฐ เพื่อกระชับความสัมพันธ์การค้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกทั้งมีความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับภาคธุรกิจสหรัฐ เพื่อพัฒนาความร่วมมือที่เกิดประโยชน์ร่วมกันในอนาคต

นอกจากนี้ รัฐบาลได้เน้นนโยบายเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์และเป็นมิตรต่อการลงทุน พร้อมเปิดกว้างในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศในกรอบความร่วมมือทวิภาคีและภูมิภาค เช่น APEC และ IPEF ที่พร้อมในการมุ่งมั่น เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยรัฐบาลไทยได้เสนอสิทธิพิเศษทางด้านธุรกิจ เช่น การยกเว้นวีซ่าและวีซ่าพำนักระยะยาวให้กับนักธุรกิจ เพื่อดึงดูดนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางด้านเกษตรอัจฉริยะ เศรษฐกิจดิจิทัล และการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่สามารถแข่งขันในระดับโลก รวมถึงสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสะอาด อีกด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังชูวิสัยทัศน์ในการส่งเสริมการค้าเสรีและข้อตกลง FTA ที่พร้อมขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในกรอบ OECD ซึ่งจะยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสและต่อต้านการทุจริตเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจไทยอีกด้วย

ADVERTISMENT

“เราเน้นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและสหรัฐ โดยชี้ให้เห็นว่าการลงทุนของสหรัฐในไทยเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 2566 มีมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 70% จากปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของสหรัฐในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของไทย รัฐบาลไทย ยังมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยีทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และไทยยังส่งเสริมความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด และพัฒนาทักษะบุคลากร รวมทั้งการมุ่งมั่นส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ไทย ขับเคลี่อนการศึกษาและพัฒนาฝีมีอแรงงานเพื่อเตรียมรับอุตสาหกรรมอนาคตด้วย”

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ก่อนการเดินทางเข้าร่วมประชุมเอเปคที่เปรูได้มีโอกาสเดินทางไปที่นครลอสแองเจลิส และพบหารือภาคเอกชนสหรัฐ โดยที่ผ่านมาไทย สหรัฐมีความร่วมมือการลงทุนระหว่างกันกว่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 5 แสนล้านบาท และสร้างงานกว่า 70,000 ตำแหน่ง ทั้งนี้ รัฐบาลไทยตั้งเป้าส่งเสริมการลงทุนของสหรัฐในไทยและกระชับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจตลอดไป นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้าย

อนึ่ง U.S.-APEC Business Coalition เป็นองค์กรพันธมิตรประกอบด้วย (1) National Center for APEC (NCAPEC) ซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจที่เป็นกระบอกเสียงเชื่อมโยงภาครัฐและภาคธุรกิจสหรัฐ สร้างเวทีหารือเชิงนโยบายกับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค เพื่อสนับสนุนการค้าเสรีและความร่วมมือระดับภูมิภาค

(2) หอการค้าสหรัฐ (U.S. Chamber of Commerce : USCC) เป็นองค์กรภาคธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อสนับสนุนบริษัทสมาชิกในการส่งเสริมนโยบาย กฎระเบียบ และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

และ (3) สภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน (U.S.-ASEAN Business Council : USABC) เป็นองค์กรธุรกิจที่มีสมาชิกเป็นบริษัทสหรัฐชั้นนำที่ลงทุนหรือดำเนินธุรกิจกับประเทศในอาเซียน โดยมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐมาอย่างยาวนาน”