
นักวิชาการอ่านเกม ‘ทักษิณ’ หวนขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียง ประเมินสถานการณ์เพื่อไทย-คาน 3 เสาขาใหญ่การเมือง
มติชน รายงานว่า ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลับขึ้นเวทีปราศรัยครั้งแรกในรอบ 17 ปี เพื่อช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ของพรรคเพื่อไทย ว่าการขยับตัวของนายทักษิณครั้งนี้ เป็นการขยับทั้งขบวนของพรรคเพื่อไทย พลังการสื่อสารทั้งหมด มีความมั่นใจมากว่ากระบวนการกลไก
โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ไม่ว่าการร้องครอบงำเพื่อนำไปสู่การยุบพรรค การร้องเกี่ยวกับชั้น 14 ไม่สามารถดำเนินการอะไรนายทักษิณได้ สะท้อนด้วยการสื่อสารที่บอกว่า คนที่ไปร้องเรียนเป็นพวกที่น่ารำคาญ แสดงว่านายทักษิณมีความมั่นใจอย่างสูง ทำให้เกิดความฮึกเหิมให้กับบรรดาพรรคพวกในพรรคเพื่อไทย สส. และมีผลอย่างมากมายในการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ซึ่งถือว่าเป็นคนพื้นที่ของคนเสื้อแดง ซึ่งก่อนหน้านี้คนเสื้อแดงกำลังถอยลงไปมาก
แต่การแสดงนัยยะของนายทักษิณครั้งนี้ว่ากลับมาแล้ว มีอิทธิพลตัวจริงในประเทศไทย ได้สร้างความฮึกเหิมเชิงบวกมากยิ่งขึ้น ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ไม่มีใครสร้างความเชื่อมั่นให้คนเสื้อแดงเลย ภายหลังเกิดความแตกแยกในบรรดาแกนนำคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะแกนนำคนเสื้อแดง อาทิ จตุพร พรหมพันธุ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ บวกกับบรรดา สส.ในพรรคเพื่อไทยเองก็ไม่มีบารมีพอที่จะรักษาคะแนนศรัทธาของคนเสื้อแดง
นายทักษิณจึงมองว่า พื้นฐานสำคัญในการต่อสู้ทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ จะต้องกลับมาหาฐานเสื้อแดง ซึ่งฐานเสื้อแดงก็ยังมีความรักความศรัทธาคนเสื้อแดงอยู่แล้ว จึงไม่แปลกจะเกิดการฮึกเหิมของคนเสื้อแดงขึ้นมาอีกครั้ง ต่อไปจะไม่ใช่แดงแค่ จ.อุดรธานี แต่จะแดงทั้งแผ่นดินอีกรอบ
ส่วนการที่นายทักษิณไปแขวะพรรคประชาชน ผศ.ดร.โอฬารมองว่าเป็นเทคนิคการเมือง เพราะว่านายทักษิณรู้ว่าหากไม่ไปแขวะพรรคประชาชน จะทำให้กระแสพรรคประชาชนจบ การแขวะและทำให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกมา จะเป็นการปลุกกระแสพรรคประชาชนออกมาด้วย การแขวะแบบนี้เป็นหลักประกันว่าจะยุบพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ไม่สามารถจัดการนายทักษิณได้ เพราะถ้าจัดการนายทักษิณกับพรรคเพื่อไทย แล้วใครจะชนะพรรคประชาชน
อย่างไรก็ตาม มองไปแล้วเรื่องนี้เป็นการวางแผนของทั้ง 2 พรรคนี้ ทำให้มองได้ว่าต่างฝ่ายต่างปลุกกระแสซึ่งกันและกัน ถ้าหากฝ่ายใดกระแสสูงจะทำให้ นายทักษิณไม่โดนกระแสอะไรทั้งสิ้น ถือว่านายทักษิณฉลาดมากในการวางเกม
ผศ.ดร.โอฬารกล่าวต่อว่า เมื่อเกมการเมืองเกิดขึ้นแบบนี้ จะส่งผลดีต่อพรรคประชาชนด้วย เพราะทั้ง 2 พรรคนี้มีโมเมนตัมต่อกัน หรือเกื้อกูลกันในคะแนนนิยม ซึ่งจะต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ถ้าพรรคประชาชนคะแนนนิยมตกต่ำ โอกาสพรรคประชาชนถูกยุบพรรคก็สูง ซึ่งจะส่งผลต่อการยุบพรรคเพื่อไทยเช่นกัน เพราะไม่มีคู่ต่อสู้ทางการเมือง
จึงเป็นความร่วมมือเพื่อกำจัดพรรคภูมิใจไทยอีกทางหนึ่งด้วย เพราะรู้ว่าพรรคประชาชนกระแสตกต่ำ จะส่งผลต่อการยุบพรรคเพื่อไทย หรือจะดำเนินคดีกับ นายทักษิณ ชินวัตร นี่คือความชาญฉลาดของนายทักษิณ ที่ทำให้พรรคประชาชนเกิดการตื่นตัว เป็นหลักประกันว่าอย่าแตะนายทักษิณ
“ถามว่าทำไมต้องกันภูมิใจไทยออกไป ก็เนื่องมาจากพรรคภูมิใจไทยมี สว.เป็นฐานอยู่แล้ว เกิดพรรคประชาชนตกต่ำ พรรคเพื่อไทยถูกยุบ สส.พรรคเพื่อไทยก็จะไหลไปพรรคภูมิใจไทยทันที จะทำให้พรรคภูมิใจไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เลย นี่คือความชาญฉลาดของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชนต้องเล่นเกมนี้ เพื่อสกัดพรรคภูมิใจไทยออกไปด้วย” ผศ.ดร.โอฬารกล่าว
เมื่อถามว่า เนื้อหาการปราศรัยของนายทักษิณมีการกล่าวถึงนโยบายเก่า ๆ ที่ประสบความสำเร็จ ผศ.ดร.โอฬารมองว่าเรื่องนี้เป็นหลักประกัน ว่าเป็นฝีมือของนายทักษิณ ซึ่งจะทำให้มองได้ว่าพ่อจะมาช่วยลูก ดูได้จากมีการเข้าพรรคเพื่อไทยในฐานะนักวิชาการ ที่ปรึกษาของพรรค ซึ่งเป็นการที่นายทักษิณเอาความเชื่อมั่นของตัวเองไปสร้างหลักประกัน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อนายกฯแพทองธารอีกด้วย
เพราะที่ผ่านมาประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เพราะยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ ทำให้บทบาทของนายทักษิณในขณะนี้จะส่งผลดีให้พรรคเพื่อไทย ในโอกาสหน้าก็จะกลับมาจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้อีกครั้ง
“ความต้องการในใจของนายทักษิณกับการเมืองในอนาคตนั้น ผมคิดว่านายทักษิณอยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับบ้าน ผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนไทยกับกัมพูชา MOU44 กาสิโนและเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และพื้นที่การพัฒนาภาคใต้ หากนายทักษิณได้ 4 เรื่องนี้ จะเป็นหลักความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพื่อปูฐานไปยังการครองอำนาจนำในประเทศระยะยาว” ผศ.ดร.โอฬารกล่าว
ผศ.ดร.โอฬารกล่าวว่า สำหรับการเมืองในอนาคต ตนคิดว่าจะเหลือแค่ 3 พรรคการเมืองใหญ่คือ เพื่อไทย ประชาชน และภูมิใจไทย หากมองไปแล้วการเมืองในขณะนี้เป็นการเมือง 3 เส้า โดยเฉพาะพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย คงสภาพแบบนี้เอาไว้ได้ ซึ่งจะส่งผลดีกับทั้ง 2 พรรค ไม่เช่นนั้นพรรคเพื่อไทยอาจถูกยุบ เพราะไม่มีความจำเป็นต่อกลุ่มคนชั้นนำแล้ว เพราะวันนั้นคงมีพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำแล้ว ดังนั้น พรรคประชาชนหากคงอยู่ ก็จะส่งผลต่อพรรคเพื่อไทยไม่ถูกยุบ เพราะจะต้องเอาไว้คานอำนาจกับพรรคประชาชน… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่