
ผู้แทนการค้าไทยเปิดงาน Thailand International Mega Fair 2024 การแสดงสินค้าและบริการไทย ใหญ่ที่สุดในซาอุฯ ชี้ซาอุฯ เป็นประเทศแห่งโอกาสสำหรับเอกชนไทย พร้อมสานต่อภารกิจนำนักธุรกิจไปเยือน
ดร.นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เป็นประธานฝ่ายไทยในการกล่าวเปิดงาน Thailand International Mega Fair 2024 ณ Riyadh International Convention and Exhibition Center (RICEC) กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย โดยมีนาย Saad Alkassabi ประธาน Saudi Standards, Metrology and Quality Organization เป็นประธานฝ่ายซาอุดีอาระเบีย และผู้แทนระดับสูงทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนของสองประเทศเข้าร่วม
ดร.นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทยกล่าวว่า งาน Thailand International Mega Fair 2024 เป็นงานแสดงสินค้าและบริการของไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในซาอุฯ จัดแสดงสินค้าและบริการของไทยใน 9 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าสุขภาพ การบริการทางการแพทย์ การเกษตรอัจฉริยะ นวัตกรรม การท่องเที่ยว การก่อสร้าง และสินค้าไลฟ์สไตล์
ตนเชื่อว่าสินค้าและบริการของไทยมีคุณภาพสูงและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวซาอุดีอาระเบียและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลางได้เป็นอย่างดี
งานนี้ยังเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการไทยและต่างชาติจะได้พบปะเจรจากับนักธุรกิจ ผู้นำเข้าสินค้า ตัวแทนจำหน่าย รวมถึงกลุ่ม Modern Trade ในซาอุดีอาระเบียและตะวันออกกลาง เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและขยายศักยภาพไปสู่ภูมิภาคตะวันออกกลางต่อไป
รวมทั้งเป็นการส่งเสริม Soft power ของไทยไปสู่สายตาผู้เข้าร่วมงาน ผ่านการแสดงวัฒนธรรมไทยภายในงาน ทั้งนี้ งาน Thailand International Mega Fair 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2567 มีผู้ร่วมแสดงงานกว่า 200 บริษัท และคาดว่ามีผู้เข้าชมงานกว่า 12,000 คน
ผู้แทนการค้าไทยกล่าวเสริมว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศแห่งโอกาสสำหรับภาคเอกชนไทยอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นจากแผนวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ. 2030 ที่เป็นการเปิดโอกาสเพิ่มเติมให้นักลงทุนไทยในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในธุรกิจการก่อสร้าง พลังงานทดแทน ธุรกิจบริการ และธุรกิจด้านการท่องเที่ยว หรือจากจำนวนประชากรที่มีมากถึง 35 ล้านคน ตลอดจนการเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญของไทย โดยเฉพาะปุ๋ยและปิโตรเลียม
นอกจากนี้ ผู้แทนการค้าไทย ปิดเผยเพิ่มเติมว่า ไทยและซาอุดีอาระเบียมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น โดยเฉพาะในช่วงหลังจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต ที่ทั้งสองประเทศได้มีการเดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ส่งผลให้โอกาสทางธุรกิจสำหรับทั้งสองฝ่ายเปิดกว้างมากขึ้น และการค้าทวิภาคีระหว่างไทย-ซาอุฯ ในปี 2566 มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 40%
ดร.นลินีทิ้งท้ายว่า ตนในฐานะผู้แทนการค้าไทย พร้อมดำเนินการขับเคลื่อนและสนับสนุนการเพิ่มความร่วมมือด้านการค้าระหว่างสองประเทศอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการนำคณะนักธุรกิจจากไทยในภาคส่วนต่าง ๆ มาเยือนซาอุดีอาระเบีย เพื่อทำกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ต่อไป