
นายกฯ แสดงวิสัยทัศน์ หลังปิดฉากการประชุมเอเปค 2024 เน้นย้ำแนวคิดสร้างความร่วมมือและก้าวไปสู่เป้าหมาย เพื่อสร้างโอกาส ส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจ และผลักดันเศรษฐกิจสีเขียว สร้างอนาคตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุม APEC Economic Leaders’ Retreat โดยมี นางดินา เอร์ซิเลีย โบลัวร์เต เซการ์รา ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเปรู เป็นประธาน
จากนั้น น.ส.แพทองธารเปิดเผยภายหลังการประชุมนัดสุดท้ายก่อนพิธีปิดการประชุมเอเปค ครั้งที่ 31 อย่างเป็นทางการ ว่า ขอบคุณประธานาธิบดีเปรู และประชาชนชาวเปรูในการต้อนรับอย่างอบอุ่นตลอดการเดินทางมากรุงลิมา
อีกทั้งขอขอบคุณในงานเลี้ยงอาหารค่ำต่อผู้นำเอเปค ที่เจ้าภาพเปรูได้เลี้ยงรับรองด้วยอาหารที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของเปรูออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และขอขอบคุณกรรมการผู้จัดการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกให้กับสมาชิกเอเปคทราบถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน
โดยย้ำว่า โลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น ประเทศไทยในฐานะผู้ส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งร่วมกัน เชื่อว่าเอเปค เป็นเวทีที่สำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจที่มีอย่างมากระหว่างสมาชิกเอเปคด้วยกัน
และมั่นใจว่าด้วยการทำงานร่วมกันของสมาชิกจะสามารถสร้างเวทีการแข่งขันที่เท่าเทียมกันและมีปัจจัยใหม่ ๆ ในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชนทุกประเทศ โดยมีประชาชนและโลกเป็นศูนย์กลางที่จะได้รับประโยชน์ร่วมกัน
น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงแนวคิดในการสร้างความร่วมมือและก้าวไปสู่เป้าหมายนี้ร่วมกันของประเทศสมาชิกเอเปค ว่า 1.เราจะสร้างโอกาสสำหรับทุกคน โดยสมาชิกเอเปคจะทำงานร่วมกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเพื่อบริหารจัดการกับเศรษฐกิจ “ในระบบ” ที่สมาชิกสามารถตกลงร่วมกันได้
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็เข้าใจถึงความท้าทายในการบริหารการทำงานนอกระบบ เนื่องจากในประเทศไทย ยังพบว่ายังมีแรงงานและธุรกิจขนาดเล็กมากกว่าครึ่งยังอยู่ในการทำงานนอกระบบ
รัฐบาลไทยจึงได้ดำเนินการแก้ใขเพื่อสนับสนุนให้เกิดการทำงานในระบบให้เติบโตในทุกมิติ ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม รวมถึง AI มาใช้เป็นกลไกสำคัญของไทย ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ผ่านระบบการเงินดิจิทัลให้กลุ่มเปราะบางของไทยให้มีโอกาศทัดเทียมกันในการดำรงชีวิต โดยมีเป้าหมายในการขจัดความยากจน
นอกจากนี้ ประเทศไทยกำลังพิจารณานำ Negative Income Tax ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลที่จะช่วยให้คนที่อยู่ในประเทศไทย ทั้งที่เสียภาษีและไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี มาอยู่ในระบบฐานข้อมูลเพื่อจะจัดสรรประโยชน์จากรัฐที่เป็นธรรมมากที่สุด
สำหรับความร่วมมือของสมาชิกเอเปค นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ควรเพิ่มความเชื่อมโยงทางกายภาพและโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในภูมิภาค เพราะนอกจากจะส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกันแล้ว ยังสามารถส่งเสริมการติดต่อสื่อสารระหว่างประชาชนด้วยกันได้โดยง่าย โดยเฉพาะกลุ่ม Digital Nomad หรือกลุ่มคนที่มีธุรกิจค้าขายผ่านออนไลน์
นอกจากนี้ เอเปคควรจัดทำสิทธิพิเศษเป็นบัตรเดินทางสำหรับนักธุรกิจเอเปค APEC Business Travel Card (ABTC) ในประเทศสมาชิกเพื่อสนับสนุนให้เกิดการเดินทางค้าขายระหว่างกันมากขึ้นอีกด้วย
2.ประเทศไทยมีแนวคิดส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้เขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP) เป็นรูปธรรม เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนทางการค้า ดังนั้นการเตรียมพร้อมสำหรับ FTAAP จะเสริมสร้างขีดความสามารถในประเทศสมาชิกได้ โดยจะส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย รวมถึง MSMEs และกลุ่มบุคคลทุกเพศทุกวัย
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยเชื่อว่าการสร้างสิ่งใหม่ ๆ และพัฒนาในโลกการเงินที่เรียกว่า “สร้างสถาปัตยกรรมทางการเงิน” ที่สมดุลและยืดหยุ่นมากขึ้นจะช่วยให้เศรษฐกิจได้รับการปกป้อง มีเสถียรภาพ ตลอดจนเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนได้อีกด้วย
3.เอเปคต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการเข้าสู่เศรษฐกิจสีเขียวตามเป้าหมายที่เคยประชุมร่วมกันที่กรุงเทพฯ หรือ BCG ซึ่งประเทศไทยตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน โดยวางแผนการเพิ่มพลังงานสะอาด 20 กิกะวัตต์ภายใน 20 ปีข้างหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2065
โอกาสนี้ ประเทศไทยจึงขอให้เอเปคเป็นผู้นำในการกำหนดเป้าหมายที่สำคัญในการเปลี่ยน ไปสู่ BCG รวมทั้งสนับสนุนให้มีการหารือเกี่ยวกับการพัฒนาตลาดและการค้าเครดิตคาร์บอนร่วมกัน ซึ่งไทยเชื่อมั่นว่าเอเปคสามารถเป็นผู้นำในการ “สร้างอนาคตที่ยั่งยืน” ร่วมกันได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า แม้จะยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากในเอเปค แต่เชื่อว่าการประชุมในครั้งนี้จะทำให้เอเปคใกล้บรรลุผล ในการทำงานร่วมกันและใกล้ชิดประชาชนทุกประเทศมากขึ้น และขอแสดงความยินดีกับเปรู ในความสำเร็จในการจัดการประชุมและประเทศไทยจะเฝ้ารอความคืบหน้าต่าง ๆ ในการประชุม อีกครั้งในโอกาสที่ประเทศเกาหลีใต้จะเป็นเจ้าภาพประชุมในครั้งต่อไป
สำหรับการประชุมเอเปค 2024 ที่ประชุมได้รับรองเอกสารผลลัพธ์ 3 ฉบับ ได้แก่ (1) ปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (2) ถ้อยแถลงอิชมา ว่าด้วยมุมมองใหม่ในการขับเคลื่อนเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก และ (3) แผนงานลิมา เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจในระบบและเศรษฐกิจโลกของเอเปค ซึ่งถือว่า เป็นการเสร็จสิ้นการประชุมอย่างเป็นทางการ
จากนั้นในเวลาต่อมา นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 8 กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู