กฎหมายประชามติส่อลากยาว 6 เดือน สส.แพ้โหวต สว.ปมเสียงข้างมาก 2 ชั้น

กฎหมายประชามติส่อลากยาว 6 เดือน สส.แพ้โหวต สว.ปมเสียงข้างมาก 2 ชั้น

ที่ประชุม กมธ. สส.-สว. มีมติ 13 ต่อ 9 ยืนเสียงข้างมาก 2 ชั้น ฝ่าย สส.แพ้โหวต

ที่รัฐสภา นายกฤช เอื้อวงศ์ สว. พร้อมด้วยนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกัน เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ แถลงผลการประชุม กมธ. ครั้งที่ 3 เพื่อหาข้อยุติในมาตรา 7 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ปี 2564 ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรกับวุฒิสภาเห็นแย้งกัน โดยวุฒิสภาเสนอให้แก้ไขเป็นหลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น จนนำมาสู่การตั้ง กมธ.ร่วมกันเพื่อหาข้อยุติดังกล่าว

โดยนายกฤชกล่าวว่า การประชุมวันนี้น่าจะเป็นการประชุมก่อนครั้งสุดท้าย โดยผลลงมติเสียงส่วนใหญ่ให้คงไว้ตามที่วุฒิสภาแก้ไข 13 เสียง และ 9 เสียง ลงมติให้แก้ไขเพิ่มเติมตามที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอ และงดออกเสียง 3 เสียง จากองค์ประชุมทั้งหมด 25 คน

หลังจากนี้จะนำร่างกฎหมายกลับเข้าสู่แต่ละสภาเพื่อพิจารณาความเห็น หากสภาใดไม่เห็นชอบสามารถลงมติยับยั้งร่างกฎหมาย และเสนอกลับเข้ามาใหม่ ทั้งนี้ เชื่อว่า สส.คงไม่เห็นด้วยการแก้ไขของ สว. ทำให้ต้องพักร่างกฎหมายดังกล่าวไว้ 180 วัน แล้วจึงจะเสนอเข้ามาใหม่ได้

นายกฤชกล่าวว่า การประชุม กมธ.ครั้งต่อไปคือวันที่ 4 ธ.ค. เพื่อรับรองรายงานการประชุม จากนั้นวันที่ 6 ธ.ค. จะยื่นร่างกฎหมายเข้าสู่แต่ละสภา โดยหลังจากเปิดสมัยประชุมแล้ว คาดว่าวันที่ 16 ธ.ค. จะเข้าสู่วาระการประชุมวุฒิสภา และวันที่ 18 ธ.ค. จะเข้าสู่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร

สำหรับกรรมาธิการที่งดออกเสียง 3 คนนั้น นายกฤชกล่าวว่า พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. ในฐานะประธาน กมธ. และกรรมาธิการในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทย ทั้ง 2 คนคือ นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรค และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย

ADVERTISMENT

ด้านนายวุฒิชาติกล่าวว่า เหตุผลที่ กมธ.ฝั่ง สว.คงไว้ซึ่งเสียงข้างมากสองชั้น เพราะเห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ จำเป็นต้องมีประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการออกเสียงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยตัวท่านเอง เพราะประโยชน์จะตกเป็นของประชาชนโดยตรง

ขณะที่ นายพิศิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ส่วนการเชิญตัวแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มาชี้แจงต่อกรรมาธิการถึงความพร้อมการทำประชามติผ่านทางไปรษณีย์นั้น ตัวแทนทางไปรษณีย์ยืนยันว่ามีความพร้อมการทำประชามติผ่านทางไปรษณีย์ว่าสามารถทำได้ โดยวิธีการจะให้ประชาชนมายืนยันตัวตนที่ไปรษณีย์ในเขตนั้น ๆ

ADVERTISMENT

จากนั้นก็จะมีการลงมติที่ไปรษณีย์ ดูแล้วเป็นช่องทางที่สามารถป้องกันการลงคะแนนแทนกันได้ เพราะต้องใช้บัตรประชาชนมายืนยันตัวตนที่ไปรษณีย์ก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายการทำประชามติผ่านไปรษณีย์ ทราบว่าอยู่ที่ประมาณ 1 พันกว่าล้านบาท ดูแล้วไม่ได้ถูก แต่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มาทำงานต่างภูมิลำเนา ไม่ต้องเดินทางกลับไปลงคะแนนที่ภูมิลำเนาของตัวเอง

ขณะที่ตัวแทน กกต.ระบุว่า ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะมีการทำประชามติผ่านทางไปรษณีย์หรือไม่ แค่บอกว่าจะรับไปพิจารณารายละเอียดอีกครั้งว่าจะดำเนินการหรือไม่