สรวงศ์ ดีลตรงจูงใจ นทท.จีนเที่ยวไทย เล็งครีเอตกิจกรรมใหม่เพียบ

นายสรวงศ์ เทียนทอง

ก.การท่องเที่ยวฯ จับมือ ททท. เร่งบูสต์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนพรีเมี่ยมเที่ยวไทย นำผู้ประกอบการคุยตรงงาน CITM 2024 เร่งครีเอตกิจกรรมใหม่จูงใจ เติมเป้าปี’68 ให้ถึง 40 ล้านคน

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าร่วมงาน China International Travel Mart (CITM) 2024 ซึ่งเป็นเวทีให้ผู้ประกอบการเจรจาธุรกิจ กับผู้แทนบริษัทนำเที่ยวในตลาดจีน รวมถึงนำเสนอสินค้าทางด้านการท่องเที่ยวของไทย ในตลาดจีน เพื่อรักษาฐานและขยายตลาดนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มศักยภาพ ให้ผลักดันรายได้สู่เป้าหมายตามที่กำหนดไว้ อยู่ที่ 7.3 ล้านคน (จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 8 ล้านคน)

พร้อมทั้งกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน ในโอกาสที่ปี 2568 เป็นปีเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน โดยมีกำหนดจัดขึ้นวันที่ 22-24 พ.ย. 2567 ที่นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน

นายสรวงศ์กล่าวว่า จากการรายงานจากผู้อำนวยการ ททท. ทั้ง 5 สำนักงานในจีน พบว่าขณะนี้นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มที่เดินทางด้วยตัวเอง (เอฟไอที) ตัวเลขไม่ได้ตกลง แต่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะกรุ๊ปทัวร์หายไป ซึ่ง ททท.ในจีนอยู่ระหว่างครีเอตอะไรใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมให้จีนเลือกเดินทางท่องเที่ยวไทย อาทิ กิจกรรมเต้นรำ เพราะจีนก็ชื่นชอบการเต้นรำ

ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศของทั้งปี 2568 วางเป้าหมายที่ 40 ล้านคน แยกเป็นตลาดตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ 29 ล้านคน ตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา 11 ล้านคน ซึ่งจะพยายามให้ถึงเป้าหมาย หากไม่มีปัจจัยลบส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เนื่องจากปีหน้าประกาศเป็นไทยแลนด์ แกรนด์ สปอร์ต ทัวริซึ่ม ทำให้อีเวนต์ต่าง ๆ ที่นายกรัฐมนตรีและกระทรวงนำเข้าไปถือเป็นอีเวนต์ระดับโลกที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น

ด้าน น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าฯ ททท. กล่าวว่า ททท.นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเดินทางเพื่อเข้าร่วมงาน CITM 2024 ได้แก่ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยจากจังหวัดภูเก็ต จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมสายการบินพันธมิตรในพื้นที่ตลาดจีน คือสายการบิน Spring Airlines และสายการบินแอร์เอเชีย เข้าร่วมงานจำนวน 51 ราย

ADVERTISMENT

เพื่อนำเสนอด้วยแนวคิด “Let’s Have Fun in Amazing Thailand” โดยนำเสนอประเทศไทยในมุมมองใหม่ที่สนุกสนาน สดใส ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ผ่านแนวคิด 5 Must do in Thailand (Must Taste, Must See, Must Seek, Must Buy และ Must Try) ที่ทุกคนสามารถค้นพบความสนุกในแบบของตัวเองได้ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย ภายในคูหาจะเน้นการใช้สื่อมัลติมีเดีย และกิจกรรมต่าง ๆ ที่กระตุ้นและเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวออกมาสัมผัสกับเสน่ห์ที่น่าประทับใจของประเทศไทยด้วยตัวเอง

นายสรวงศ์ เทียนทอง

ADVERTISMENT

ททท. มุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง ตั้งแต่ระดับ Middle Class ขึ้นไป ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจชะลอตัวมากนัก และเป็นกลุ่มที่มีเงินออม เปิดใจกว้าง ต้องการหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งสามารถเพิ่มการใช้จ่ายเงินในประเทศไทยให้มากขึ้น

โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอำนาจในการตัดสินใจเดินทาง โดยข้อมูลจากผู้ให้บริการจองที่พักและบริการท่องเที่ยวออนไลน์พบว่า ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทางมาเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากชื่นชอบอัธยาศัยคนไทยที่ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างประทับใจ ชื่นชอบในแหล่งท่องเที่ยวไทยที่มีความสวยงาม อาหารไทยมีรสชาติอร่อย สนุกกับการช็อปปิ้ง และติดใจนวดแผนไทย โดยนครเซี่ยงไฮ้ยังเป็นเมืองที่มีการส่งออกนักท่องเที่ยวไปไทยสูงสุดด้วย น.ส.ฐาปนีย์กล่าว

ทั้งนี้ จากสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-17 พฤศจิกายน 2567 มีจำนวน 30,564,481 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 1,430,108 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวจีน เข้ามาเที่ยวไทยมากเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 5,973,990 คน

โดยพบว่าการเดินทางมาประเทศไทยยังได้รับสัญญาณบวกจากการฟื้นตัวของความจุโดยสารเที่ยวบิน (Seat Capacity) ในปี 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 8,588,274 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2566 อยู่ที่ 65% มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากการขยายเส้นทางการบินตรงจากพื้นที่ศักยภาพของจีน ได้แก่ เมืองซีอาน ฉางชา และเจิ้งโจว และได้แรงสนับสนุนจากมาตรการยกเว้นวีซ่าไทย-จีน จึงเห็นการเติบโตของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่มีคุณภาพและศักยภาพในการใช้จ่ายสูงมากขึ้น