อิ๊งค์ย้ำดีเดย์ 12 ธ.ค. แจกของขวัญปีใหม่คนไทย ชู 3 แนวทางโกยเม็ดเงินใหม่

แพทองธาร ชินวัตร
แพทองธาร ชินวัตร

“แพทองธาร ชินวัตร” ขึ้นเวทีประชาชาติธุรกิจ “โอกาส ความหวัง ความจริง” ชี้คนไทยมีความสามารถ รัฐต้องให้โอกาส และช่วยเหลือเรื่องความเป็นอยู่ให้ดีที่สุดเพื่อปลดล็อกศักยภาพ เชื่อการเติบโตเศรษฐกิจปี 2568 จะโตกว่าที่ตั้งไว้ ย้ำรัฐบาลอยู่ครบเทอม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติ เผยเร่งแผนใช้งบประมาณ 9.6 แสนล้านพัฒนาประเทศ รวมทั้งวางมาตรการต่าง ๆ รับมือทั้งสหรัฐและจีน ทิ้งท้าย 12 ธ.ค.นี้ แถลงนโยบายใหญ่ เตรียมของขวัญปีใหม่ให้คนไทย ด้านประธาน “ทีทีบี” แนะ 4 ทางช่วยเหลือคนไทยและประเทศให้ก้าวหน้ามากขึ้น

นายกฯขึ้นเวทีประชาชาติฯ

ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ จัดงานสัมมนา THAILAND 2025 โอกาส ความหวัง ความจริง โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ประเทศไทย โอกาส ความหวัง ความจริง”

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เพิ่งกลับมาจากการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ที่ประเทศเปรู ได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้คุยกับผู้นำทั่วโลก แน่นอนว่ารัฐบาลพยายามสร้างโอกาสให้กับคนไทยให้ได้มากที่สุด เป็นโอกาสที่จับต้องได้

เราเห็นศักยภาพของคนไทยที่มีศักยภาพสูงมาก แต่บางครั้งเข้าไม่ถึงโอกาส หรือมีการซัพพอร์ตไม่เพียงพอ รัฐบาลเร่งทำเรื่องนี้ แต่บางสิ่งบางอย่างสะสมยาวนานไม่สามารถใช้วิธีหรือสองวิธีเพื่อแก้ปัญหาได้ แต่เราต้องใช้หลายวิธีผลักดันประเทศชาติ และเศรษฐกิจของประเทศให้ไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแรง

ปากท้องคนไทยต้องอิ่ม

“อย่างแรกที่รัฐบาลต้องการจะทำ คือพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ พัฒนาเศรษฐกิจก่อน เพราะเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่สำคัญ ทำให้คนในประเทศกินอยู่ได้ดีขึ้น ถ้าคนไทยท้องอิ่ม ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวก็จะออกมาเอง ถ้าเบสิกขั้นพื้นฐานยังไม่ถูกเติมเต็ม การจะเกิดความคิดสร้างสรรค์หรือมีแรงผลักดันประเทศก็จะเกิดขึ้นได้ยาก ดังนั้นเราถึงพยายามกระจายโอกาสตรงนี้ไปให้ได้มากที่สุดเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ”

ขณะนี้มีการคาดเดาการเติบโตของจีดีพี ถ้ารวมทั้งปีประมาณ 2.7% อยู่ในช่วงที่กำลังฟื้นตัวอยู่ แต่ในแต่ละไตรมาสเราทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประกาศตัวเลขว่าจีดีพีเราโตขึ้น 3% เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ และส่วนใหญ่ที่เศรษฐกิจเราเติบโตได้มาจากการลงทุนของภาครัฐ จากการคาดเดาในปี 2568 เราตั้งเป้าไว้ว่าเศรษฐกิจเราจะโต คาดว่าจะโตกว่าที่ตั้งเป้าไว้

ADVERTISMENT

เร่งดึงนักท่องเที่ยวกลับมา

น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า ที่สำคัญคือการท่องเที่ยว เพราะช่วงก่อนโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวประมาณ 40 ล้านคน ซึ่งตัวเลขหายไปอย่างน่าตกใจ แต่ขณะนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวกลับมาแล้ว คาดว่ากลับมาถึง 36 ล้านคน และยังเพิ่มขึ้นกว่าปี 2566 ถึง 28% เป็นนิมิตหมายที่ดีของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วย

นอกจากเหตุการณ์โควิด-19 ที่เบาตัวแล้ว เรื่องฟรีวีซ่า ตั้งแต่รัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ที่ทำต่อกันมา และมีการพัฒนาสนามบิน ซึ่งเราอยากให้สนามบินเราเป็น Smart Airport ไม่ต้องเสียเวลาในการรอคิว เราพยายามทำเรื่องนี้ให้ต่อเนื่องมากขึ้น เราจะทำ Festival Country เราพยายามทำให้เมืองไทยทั้งประเทศเป็นที่ที่สามารถท่องเที่ยวได้ ไม่อยากให้ชาวต่างชาติรู้จักแค่เมืองหลัก อยากให้เที่ยวเมืองรองด้วย และมีระยะเวลาให้เที่ยวยาวนาน เป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำอยู่

ADVERTISMENT

ยันรัฐบาลอยู่ครบเทอม

“ที่เล่าให้ฟังว่าได้ไปคุยกับต่างชาติ ทุกคนสนใจการลงทุนประเทศไทย ถ้าการเมืองเรามีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น นักธุรกิจ ต่างชาติก็มีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น ดิฉันมีหน้าที่ไปบอกทุกคนว่า เราเชื่อมั่นว่าสามารถอยู่ครบเทอมจนเลือกตั้งได้ เพื่อให้ชาวต่างชาติมั่นใจว่าการลงทุนจะไม่เปลี่ยนแปลง”

ก่อนหน้านี้ สิ่งที่นายกฯเศรษฐาเดินทางไปบอกทั่วโลกว่า รัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ น่าลงทุนอย่างไร ดิฉันสานต่อนโยบายเหล่านั้นเพื่อให้การลงทุนไม่สะดุด สิ่งที่ได้ทำให้เห็นชัด คือ Google มาลงทุน คือการตอกย้ำว่ายังทำสิ่งนี้อยู่ ก็สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติด้วย

เร่งใช้งบฯลงทุน 9.6 แสนล้าน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลเร่งทำต่อไปคือการใช้งบประมาณด้านการลงทุน 9.6 แสนล้านบาท อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะปกติแล้วงบฯเหล่านี้ใช้ไม่หมด ติดเรื่องความล่าช้า ในปี 2568 กำชับกันว่าต้องใช้งบฯนี้ให้หมด เพื่อให้คุ้มค่ากับภาษี

ส่วนการที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้นายโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเป็นประธานาธิบดีนั้น น.ส.แพทองธารกล่าวว่า นโยบายของเขา หรือสิ่งที่เขาทำอาจจะขยับไปทางอนุรักษนิยมมากขึ้น และหลายคนกังวลว่าเขาจะปรับเรื่องการค้า การลงทุนอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่ารัฐบาลเตรียมการในเรื่องนี้อย่างมาก

เราทราบอยู่แล้วว่ามีนโยบายที่จะพุ่งเป้าประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ ประเทศไทยพึ่งพาการส่งออก 60% ของจีดีพี แต่ส่งออกไปยังสหรัฐ 10% ของจีดีพี เป็นตัวเลขที่มาก รัฐบาลต้องมีมาตรการรองรับ จะปรับสมดุลอย่างไรไม่ให้เสียโอกาสของประเทศ

ช่วย SMEs ไทย สู้สินค้าจีน

นอกจากนี้ ต้องดูมาตรการต่าง ๆ ที่ต้องผลักดันเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวใหม่ ต้องคำนึงถึง Economy of Scale ด้วย คือประเทศจีน ที่มีกำลังการผลิตสูงมาก ทำให้ต้นทุนถูก เราจะรู้สึกว่าการแข่งขันของเราสู้จีนไม่ได้ เพราะไม่สามารถผลิตของได้เท่าเขา แน่นอนว่าจะเป็นสงครามด้านการผลิต แต่รัฐต้องช่วยเรื่องของภาษี หรือดูข้อกฎหมาย ข้อบังคับให้หนักแน่นมากยิ่งขึ้น

“ไม่ว่าเป็นการซื้อ การขายทางออนไลน์ ที่จะต้องดูให้ถูกกฎ นำกฎที่มีอยู่แล้วมาทำให้เคร่งครัดมากยิ่งขึ้นเพื่อช่วย SMEs ของไทยด้วย สิ่งนี้เกิดขึ้นในปัจจุบันและ SMEs หลายคนก็เป็นห่วง”

3 ทางรอดประเทศไทย

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ปัญหาที่พูดมาเราต้องหาทางรอดว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยมีอาชีพที่มั่นคง และหาเม็ดเงินใหม่ ๆ เข้าประเทศได้ เพราะหนี้ครัวเรือนเรามากมายเต็มไปหมด การทำให้คนมีรายได้อย่างเดียวไม่พอ ต้องเกิดรายได้ใหม่ เม็ดเงินใหม่ ๆ ด้วย

เรามีทางรอด 3 ทางที่ช่วยประเทศได้อย่างแน่นอน คือ หนึ่ง โอกาสด้านอาหาร ซึ่งแข็งแรงและมีจุดเด่นอย่างมาก เราเคยทำครัวไทยสู่ครัวโลก เข้าไปคุยกับแต่ละประเทศ ทุกคนเห็นว่าไทยเป็นครัวของโลกได้จริง ๆ เพราะเรามีทรัพยากรด้านการเกษตรได้เยอะ เขามองว่าถ้าเขาสามารถฝากอาหารไว้ที่ประเทศเราได้ หรือ Food Security เป็นสิ่งที่น่าลงทุน

ดังนั้น รัฐบาลมองในเรื่องการถนอมอาหาร การส่งออก ว่าจะทำอย่างไรให้คุณภาพอาหารที่ส่งออกไปยังมีคุณภาพสด เหมือนที่เมืองไทย โดยใช้เทคโนโลยี ใช้นวัตกรรมเพิ่มขึ้น

ขณะที่เนื้อวัวของประเทศไทย เป็นสิ่งที่เขาต้องการมาก ๆ แต่ก็ต้องการมาตรฐานที่ดีขึ้นของไทยด้วย และเรายังขายเรื่องซอส หรือสมุนไพร อยากทำให้แข็งแรงมากขึ้น เรื่องของเชฟ ซึ่งผูกกับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ที่จะรีสกิล อัพสกิล อยากให้ทุกคนผ่านโครงการ 1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย เพื่อทำให้เชฟเหล่านั้นมีใบรับรองในการทำอาหาร ก็จะสร้างอาชีพเพิ่มมากขึ้นด้วย

ปั้นไทยเป็นฮับเวลเนส

สอง โอกาสสุขภาพ แน่นอนว่าเรามี 30 บาทรักษาทุกโรค และขณะนี้ทำให้เป็น 30 บาทรักษาทุกที่ ทำให้คนสามารถเข้าถึงนโยบายนี้ได้อย่างง่ายดายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลารอคอย เป็นนโยบายที่ทั่วโลกยอมรับ และศึกษาจากเราว่าทำอย่างไรได้บ้าง ซึ่งเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ

สาม อุตสาหกรรมที่สร้างซอฟต์พาวเวอร์ เรามีมวยไทยที่ดังไปทั่วโลก ที่อังกฤษมีค่ายมวยไทย 4 หมื่นแห่ง อาจไม่ได้ใบรับรอง เราจึงนำวิชามวยไทยมารีสกิล อัพสกิล เพื่อให้ได้ใบรับรอง และสามารถเพิ่มรายได้ตรงนี้ให้กับประชาชนด้วย

เรามีวัฒนธรรมของไทยที่มีเสน่ห์ ต่างชาติสนใจ ดังนั้น เราจึงผูกทุกวัฒนธรรมของทุกจังหวัดเข้าด้วยกัน เพื่อทำให้ประเทศของเราน่าเที่ยวได้ทั้งปี เพื่อสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ

เรื่องภาพยนตร์ เราสนับสนุนอย่างเป็นทางการ ได้คุยกับฮอลลีวูด ทั้ง Disney, Amazon, Netflix และประกาศว่า เราจะเพิ่ม Cash Rebate ให้กองถ่ายต่างประเทศที่จะมาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศ จาก 20% เป็น 30% เขาจะประหยัดต้นทุนในการผลิตของเขาได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งทุกบริษัทปรบมือเป็นเสียงเดียวกัน

มีของขวัญปีใหม่ให้คนไทย

น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงเรื่องพลังงานว่า เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องทำควบคู่ไปด้วย เพราะต้องยอมรับว่าก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมีวันที่ต้องหมดไป ซึ่งการประมาณการของผู้เชี่ยวชาญว่า อีก 10 ปีก็จะหมดไป เรื่องที่เป็นกระแสอยู่ คือ MOU44 เราต้องคุยเรื่องนี้กับกัมพูชา ว่าจะแบ่งการใช้ก๊าซธรรมชาติร่วมกันอย่างไร แต่เกาะกูดไม่เกี่ยว เกาะกูดไม่ใช่ เกาะกูดเป็นของเราอยู่แล้ว

นอกจากนี้ เรายังเน้นพลังงานสะอาด พลังงานทางเลือก เรื่อง Semiconductor ที่เป็นเทรนด์ของโลก มีการศึกษาว่าไทยจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับอุตสาหกรรมนี้อย่างไรได้บ้าง เป็นมาตรการ และโอกาสที่จะหาเม็ดเงินใหม่ ๆ เข้าประเทศได้ และแข่ง Economy of Scale กับจีนได้

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลมองเห็นโอกาสของประเทศไทยในการหาเม็ดเงินใหม่มาเติม ทั้งเม็ดเงินจากต่างชาติ และเงินที่เกิดจากรายได้ใหม่ ๆ ของเราเอง

“รัฐบาลจะมีการแถลงสิ่งที่ทำไปในรัฐบาลนี้ 90 วัน ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ รับรองจะมีเรื่องนโยบายดี ๆ มาเล่าให้ฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตอีก และของขวัญปีใหม่ที่จะให้กับประชาชน” น.ส.แพทองธารกล่าวในตอนท้าย

“ปิติ” บิ๊กทีทีบีมอง ศก.ไทย

ด้านนายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีทีบี ขึ้นเวทีกล่าวในหัวข้อ “โอกาส-ความท้าทาย-เศรษฐกิจไทย” ว่า วันนี้ความหวังและโอกาสของเศรษฐกิจไทยจะอยู่ตรงไหน และความจริงคืออะไร หากย้อนกลับไปในช่วง 70 ปีก่อน ไทยเกิดปรากฏการณ์หวย 3 ใบที่เราแทงมาแล้วเรียกว่าถูกเรื่องถูกทาง ทำให้เมืองไทยโตมาถึงทุกวันนี้

สิ่งที่ได้จากหวย 3 ใบเริ่มทยอยหมดไปเรื่อย ๆ หลายคนมองไทยจะเป็นเสือเศรษฐกิจตัวใหม่ และโตแซงเศรษฐกิจฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2537 จนถึงวันนี้เศรษฐกิจไทยยังไม่ได้ไปไหน หากดูในโลกมีประเทศอยู่ราว 200 ประเทศ เศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับ 100 กว่ามา 20 ปีแล้ว แม้ว่าตัวเลขล่าสุดในไตรมาสที่ 3/2567 ที่ออกมาเกิน 2% ทำให้กระชุ่มกระชวยขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไทยจะไปต่อกันยังไง ซึ่งตรงนี้เป็นปัญหาระดับชาติ ไม่ใช่ตั้งความหวังไว้กับใครคนใดคนหนึ่ง

แนะ “4 Turn” กำหนดอนาคต

นายปิติกล่าวอีกว่า วันนี้อยากจะชวนแทงหวยเพิ่มอีก 4 ใบ ที่จะกำหนดอนาคตประเทศไทย ได้แก่ หวยใบแรก คือ Turn การลงทุนของรัฐ จะต้องแทงให้ถูก โดยเปลี่ยนการลงทุนเองมาเป็นการลงทุนร่วมกับเอกชน เช่น PPP หรือการลงทุนผ่าน Out Source เนื่องจากไทยมีปัญหาในเรื่องของความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ

หากดูผลวิจัยของ TDRI ระบุว่าไทยมีกฎหมาย 1.7 หมื่นฉบับ มีไลเซนส์ 1,700 ชนิด มีคณะกรรมการกว่า 345 คณะ และมีกระบวนงานเป็นหมื่น ซึ่งสร้างต้นทุนมากถึง 2 แสนล้านบาท หากสามารถนำดิจิทัลหรือเอไอมาช่วยโดยให้เอกชนทำ จะช่วยลดต้นทุนได้มาก หรืออย่างน้อยลดได้ครึ่งหนึ่ง หรือ 1 แสนล้านบาท ถือว่าไม่ใช่น้อย

ชูโมเดล “พี่ช่วยน้อง”

หวยใบที่สอง คือ Turn ความแข็งแกร่งของภาคเอกชนมาสู่การเติบโต ซึ่งผ่านโมเดล “พี่ช่วยน้อง” หรือ “ผีเสื้อกับแมลง” โดยภาครัฐให้แรงจูงใจ (Incentive) รูปแบบใหม่ เช่น บริษัทใหญ่ให้แฟรนไชส์รายได้จากบริษัทเล็ก ไม่ต้องเสียภาษีหรือลดภาษีแทน จะทำให้บริษัทใหญ่ช่วยซัพพอร์ตและทำให้ครัวเรือนจำนวนมากมีรายได้ที่สูงขึ้น

โดยเฉพาะ 3 อุตสาหกรรม เช่น ท่องเที่ยว อาหาร และสุขภาพ หากดูท่องเที่ยววันนี้กระจุกตัวไม่กี่จังหวัด จะทำอย่างไรให้กระจายเป็น More Local กระจายไปสู่จังหวัดอื่นมากขึ้น หรือการผลิตวัตถุดิบอาหารสัดส่วน 80% ของรายได้ขนาดใหญ่ จะทำอย่างไรให้วัตถุดิบสามารถเป็น Cuisine เพื่อกระจายไปสู่เอสเอ็มอี

ช่วยรายได้น้อย-ปานกลาง

หวยใบที่สาม คือ Turn ความช่วยเหลือของภาครัฐ ให้คมขึ้น หากแบ่งพีระมิดประชากรออกเป็น 3 ส่วน คือ รายได้น้อย รายได้ปานกลาง และรายได้สูง จึงอยากเห็นการช่วยเหลือของภาครัฐเปลี่ยนเป็น 3 รูปแบบตามพีระมิด เริ่มจากกลุ่มล่าง ควรให้สิทธิไม่ใช่ให้เงิน ผ่านการให้สิทธิ เช่น ให้ปุ๋ย ให้ค่าน้ำมันเดือนละกี่ลิตร เพื่อให้มีต้นทุนลดลง

พีระมิดที่สอง คือ สิ่งที่เรียกว่า Copay เพิ่มกำลังซื้อผ่านสิทธิช่วยจ่าย เช่น คนละครึ่ง อย่างที่เคยทำ เพื่อให้คนกลุ่มนี้มีต้นทุนค่าครองชีพถูกลง และจะช่วยลดภาระหนี้ครัวเรือนได้

และกลุ่มบนสุดใช้สิทธิในการคืนภาษี และการจับจ่ายในช่วงปลายปี เช่น การเที่ยวต่างจังหวัดในเมืองรองในวันธรรมดาลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งทำแบบนี้ช่วยลดค่าครองชีพ ลดภาษี และดึงคนที่อยู่นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบ เพราะปัจจุบันคนไทยยังจ่ายภาษีแค่ 4 ล้านคน และบริษัทส่วนใหญ่อยู่ได้เพราะหนีภาษี ประเทศไทยพัฒนาไม่ได้ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เป็นหัวใจและเป็นหวยที่อยากจะให้ช่วยกันแทง

ทุกภาคส่วนต้องช่วยเหลือ

หวยใบสุดท้าย คือ Global Trend เพราะประเด็นเหล่านี้ยังไงจะต้องเกิด ซึ่งขณะนี้มีเรื่องของ Green เป็นเรื่องที่ไทยต้องทำ เพราะภาคอุตสาหกรรมการผลิตภายใต้ Aging ไม่สามารถต่อสู้กับจีนได้ ดังนั้น ไทยต้องโปรแอ็กทีฟในเรื่องของ Green และ Clean เพราะมันคือโอกาสทางธุรกิจ

“ท้ายสุดจากการที่เราแทงหวยภาพขาวดำนี้จะเทิร์นเป็นภาพสีได้ คงไม่ได้ตั้งความหวังว่าอยู่ที่ใคร แต่เชื่อว่าถ้าภาคเอกชน ภาคประชาชน ร่วมมือกันช่วยกันประเทศไทยเราจะเปลี่ยนภาพขาวดำนี่เป็นภาพสีได้ด้วยมือของพวกเราเอง”