เป็นข่าวใหญ่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ “ตีตก” คำร้อง 6 ประเด็นที่ระบุว่า “อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร” กับ “พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ โดยมติเป็นเอกฉันท์ 5 ประเด็น ส่วนเรี่องสั่งการเอื้อประโยชน์กัมพูชา โดยเจรจาปัญหาทับซ้อนทางทะเล มติ 7-2 แต่สรุปก็คือตกหมดทุกประเด็น
แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะยังมีข้อหาครอบงำพรรค-ยอมให้ครอบงำพรรค ตาม มาตรา 29 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีผู้ร้อง 4 รายคือ 1.บุคคลนิรนาม 2.นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี 3.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และ 4.นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ยื่นเรื่องต่อ กกต. ซึ่งตั้งกรรมการตรวจสอบคำร้องใน 30 วัน ขอขยายเวลาได้ครั้งละ 30 วัน จนกว่าจะสอบเสร็จ จากนั้นนายทะเบียนพรรคการเมืองจะเสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคตามมาตรา 92 (3)
เป็นคำร้องคนละฐานข้อกล่าวหา แต่ไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญเหมือนกัน ส่วนศาลจะพิจารณาอย่างไร ก่อนอื่น ต้องรอฟังจาก กกต.ก่อน ว่าจะลุยขนาดไหน แต่ตามประสาการเมืองแบบไทย เรื่องราวที่คิดไม่ทัน หรือคาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้เสมอ ๆ
ทั้งเรื่องล้มล้างและครอบงำที่มีบทลงโทษรุนแรงขนาดยุบพรรค มีผลต่อเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศอย่างมาก นับจากมีการยื่นคำร้อง
เพราะก่อนหน้านั้น ในเดือน ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5-4 วินิจฉัยปัญหาจริยธรรม
เป็นผลให้ “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” พ้นตำแหน่งไป ต้องเปลี่ยนนายกฯ มาเป็น “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร”
จากปัญหาจริยธรรม พอมีการยื่นเรื่องให้ยุบพรรค จึงทำให้เกิดการประเมินการเมืองไทยใหม่ ว่ายังไม่พ้นวังวนเดิม โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ การลงทุนที่อ่อนไหวต่อสิ่งกระทบ เห็นว่าการเมืองไทยเรื่องนิติสงครามเป็นประเด็นที่มองข้ามไม่ได้
การตีตกคำร้องยุบพรรคเมื่อ 22 พ.ย. จึงเป็นปัจจัยบวกของภาคธุรกิจ แต่ความกังวลเรื่อง “ครอบงำพรรค” ที่กำลังดำเนินการโดย กกต.ก็ยังอยู่ และเป็น “ความกังวล” ที่เข้มข้นพอสมควร
เรื่องที่จับตากันมากคือ ประเด็นเอื้อประโยชน์กัมพูชาจากการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7-2 ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง
เป็นมติที่ไม่เอกฉันท์ ทำให้หลายฝ่ายจับตามอง
ส่วนปัญหาการครอบงำพรรค แกนนำของพรรคเพื่อไทย ออกมายืนยันว่า ไม่มีอะไรหนักใจ พรรคมีอิสระในการดำเนินการ และยังรักษาความเป็นอิสระอยู่
ก็ต้องรอดูกันว่า คดีนี้จะสิ้นสุดอย่างไร หรือไม่
คดีอาจจะสิ้นสุด แต่เรื่องยังไม่จบ การเมืองไทยมักจะเป็นอย่างนั้น