นายกฯ แถลงผลหารือร่วมผู้นำสิงคโปร์ ร่วมผลักดันการลงทุนสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัล เชื่อมโยงอาเซียน หวังเห็นมีการลงทุนเพิ่ม พร้อมหวังเห็นสันติภาพในเมียนมา
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการแถลงข่าว ผลการหารือระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายลอเรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ ว่านายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับและรู้สึกประทับใจที่นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ เป็นผู้นำคนแรกที่เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ทั้งนี้ ได้เคยพบกันในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ สปป.ลาว และระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่ประเทศเปรู
ซึ่งขณะนี้ไทยและสิงคโปร์กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการฉลองครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปีหน้า โดยการเยือนประเทศไทยครั้งนี้ จะเป็นโอกาสให้ทั้งสองได้ทบทวนความร่วมมือที่มีอยู่ และวางแผนสำหรับความร่วมมือในอนาคต
โดยทั้งสองประเทศจะได้เห็นการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกันมากขึ้นในปีหน้า โดยไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ต้อนรับการเยือนอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสิงคโปร์ที่ประเทศไทย ขณะที่นายกรัฐมนตรีแพทองธารกล่าวว่า ตั้งใจที่จะเดินทางไปเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ เพื่อสานต่อเรื่องต่าง ๆ ที่ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในวันนี้
โฆษกรัฐบาลกล่าวอีกว่า วันนี้ผู้นำทั้งสองประเทศได้หารืออย่างชื่นมื่น ครอบคลุมในประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ความมั่นคงและการป้องกันประเทศ การค้าและการลงทุน รวมถึงความมั่นคงด้านอาหาร ความมั่นคงด้านพลังงาน เศรษฐกิจดิจิทัลและสีเขียว และความยั่งยืน
ทั้งนี้ ประเทศไทยและสิงคโปร์หวังว่าจะได้เห็นการลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต และไทยพร้อมที่จะร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่สิงคโปร์ โดยเฉพาะการส่งออกข้าวคุณภาพ (Premium Rice) และไข่ออร์แกนิกไปยังสิงคโปร์
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงการส่งเสริมความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีสีเขียวและการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและอุตสาหกรรมชีวภาพ ซึ่งจะช่วยให้ทั้งสองประเทศบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้
นายจิรายุกล่าวอีกว่า การแถลงข่าวยังกล่าวถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของทั้งสองฝ่ายที่อยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ และไทยขอขอบคุณสิงคโปร์ที่มอบทุนการศึกษาให้กับข้าราชการไทย โดยผู้นำทั้งสองยังได้หารือถึงแนวทางในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแลกเปลี่ยนทางการศึกษา เพื่อยกระดับและสร้างทักษะใหม่ (Upskilling-Reskilling) ให้แรงงานในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้
นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศต่างหวังที่จะเห็นสันติภาพและเสถียรภาพกลับคืนมาในประเทศเมียนมา พร้อมหวังว่าการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างประเทศกลุ่มอาเซียน (The extended informal consultation) ในกรุงเทพฯ จะเป็นโอกาสสำคัญเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติสำหรับอาเซียนในเรื่องนี้
นอกจากนี้ ด้วยมิตรภาพที่ใกล้ชิดระหว่างไทยและสิงคโปร์ จะทำให้ทั้งสองทำงานร่วมกันได้อย่างมีผลสัมฤทธิ์ เพื่อนำความเจริญรุ่งเรืองและความเป็นอยู่ที่ดีมาสู่ประเทศและประชาชนไทยของทั้งสองประเทศ และในปีหน้าจะเป็นก้าวสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิด ลึกซึ้ง และกว้างขวางยิ่งขึ้นในทุกมิติ
ด้านนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้กล่าวขอบคุญสำหรับการตอบรับ และยินดีที่ได้มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก และเป็นเกียรติที่ได้เป็นผู้นำคนแรกที่เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังนายกรัฐมนตรีแพทองธารเข้ารับตำแหน่ง โดยยินดีที่ไทยและสิงคโปร์ต่างเห็นพ้องขยายความร่วมมือในด้านใหม่ ๆ ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจสีเขียว ความมั่นคงทางอาหาร รวมทั้งเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันเร่งกระชับความเชื่อมโยงทางดิจิทัลในอาเซียน รวมทั้งความร่วมมือในด้านพลังงาน เพื่อความมั่นคงทางพลังงานในอาเซียน
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างประชาชน ซึ่งการลงนามบันทึกความเข้าใจในวันนี้ จะช่วยกระชับความร่วมมือระหว่างข้าราชการของไทยและสิงคโปร์ และในปีหน้าที่ความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายครบรอบ 60 ปี จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะได้กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือให้ครอบคลุมมากขึ้นในหลากหลายมิติ และนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้ย้ำความพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยเพื่อเดินหน้ายกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกันไปสู่ในอีกระดับ