ไทม์ไลน์สู่อิสรภาพ 9 ตัวละครหลัก คดีดัง ‘จำนำข้าว’ พ้นโทษเมื่อไหร่ ?

9 ตัวละครหลัก คดีจำนำข้าว

เปิดไทม์ไลน์สู่อิสรภาพ 9 ตัวละครหลัก ‘คดีจำนำข้าว’ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลัง ‘บุญทรง’ อดีต รมว.พาณิชย์ ได้รับการพักโทษไปเมื่อวานที่ผ่านมา พร้อมส่องจำนวนปีต้องโทษของจำเลยทั้งหมด

แม้ว่า ‘คดีจำนำข่าว’ จะไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของคนไทย แต่ข่าวการพักโทษของหนึ่งในตัวละครหลักในคดีอย่าง ‘บุญทรง เตริยาภิรมย์’ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ณ เวลานั้น ทำให้คดีนี้ถูกยกกลับมาพูดถึงอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สำหรับการรับจำนำข้าวเป็นโครงการช่วยเหลือเกษตรกรในสมัยที่ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยรับซื้อข้าวจากชาวนาในระดับราคาสูงกว่าตลาด เพื่อให้ชาวนาสามารถนำผลผลิตมาแลกเป็นเงินได้ ซึ่งราคาข้าวที่กำหนดสูงถึง 15,000-20,000 บาท/ตัน

ข้อมูลจาก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2554-2557 รัฐบาลรับจำนำข้าวไปทั้งหมด 5 ครั้ง รวมปริมาณข้าว 54.35 ล้านตัน มูลค่าทั้งหมด 8.57 แสนล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด 9.85 แสนล้านบาท โดยในปี 2554 ที่เปิดรับจำนำข้าวครั้งแรก มีเกษตรกรลงทะเบียนโครงการกว่า 3.26 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ปลูกข้าวถึงประมาณ 59.78 ล้านไร่

จากการรับซื้อข้าวในราคาสูงทำให้ชาวนาทั่วประเทศได้รับผลประโยชน์ไปกว่า 5.6 แสนล้านบาท แต่เนื่องด้วยรัฐต้องแบกรับต้นทุนสูง ทำให้เดือนเมษายน 2557 โครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีการขาดทุนการคลังสูงถึง 5.39 แสนล้านบาท รวมถึงมีข้าวในสต๊อกที่รอการระบายกว่า 18 ล้านตัน

การขาดทุนของโครงการรัฐประกอบกับการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์และผู้ค้าข้าว ที่ร่วมขายข้าวให้บริษัทพรรคพวกในราคาที่ต่ำกว่าตลาดมากในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) นำมาซึ่งคดีใหญ่สะเทือนทั้งประเทศ จากการที่มีนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง และบริษัทเอกชนเหล่านั้นถูกพิพากษาจำคุกเป็นเวลาหลายสิบปี

ADVERTISMENT

ประชาชาติธุรกิจ รวมไทม์ไลน์จำคุก 9 ตัวละครหลักที่เกี่ยวข้องกับคดีจำนำข้าวไว้ มีรายละเอียด ดังนี้

วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ

พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ หรือหมอโด่ง อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ร่วมกับพวกทุจริตในการระบายข้าว ศาลฎีกาฯ พิพากษาให้จำคุกรวม 4 กระทง กระทงละ 18 ปี รวมทั้งสิ้น 72 ปี

ADVERTISMENT

แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) ให้จำคุกไว้เป็นเวลา 50 ปี พร้อมมีคำสั่งให้ออกหมายจับเพื่อติดตามจับกุมตัวจากการหลบหนีคดีมาบังคับคดีตามคำพิพากษา

ภูมิ สาระผล

อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาโทษจำคุก 36 ปี เมื่อปี 2560 กรณีมีส่วนรู้เห็นในการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ ผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือพ.ร.บ.ฮั้วฯ ซึ่งมีอัตราโทษรุนแรง ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ตาม พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ ที่เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา ณ วันที่ 7 ธ.ค.2564

ภูมิเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ทำให้ในปี 2564 ได้รับอภัยโทษเหลือ 12 ปีในรอบแรก และลดเหลือวันต้องโทษเพียง 8 ปีในรอบ 2 ปัจจุบันภูมิได้รับการปล่อยตัวพักโทษตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 และจะครบกำหนดการคุมประพฤติเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568

จุฑามาศ ศิริวรรณ

อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ศาลพิพากษาปี 2560 กำหนดโทษไว้ 50 ปี ก่อนจะได้รับพระราชทานอภัยโทษปี 2564 ถึง 2 รอบ ทำให้เหลือวันต้องโทษจำคุกเพียง 9 ปี 5 เดือน 24 วัน และจะพ้นโทษในวันที่ 16 กันยายน 2569

บุญทรง เตริยาภิรมย์

แฟ้มภาพ

ด้านบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เพิ่งมีการพักโทษไปเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา และคุมประพฤติที่จังหวัดเชียงใหม่อีก 3 ปี 5 เดือนก่อนพ้นโทษ

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก42 ปี กรณีมีส่วนรู้เห็นในการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้วฯ ซึ่งมีอัตราโทษรุนแรง

จากนั้นจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตามกฎหมายใหม่ เพื่อขอลดโทษเนื่องจากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติม แต่อัยการโจทย์ได้กลับขออุทธรณ์เพิ่มโทษจำเลยเพื่อต่อสู้ด้วย

ในที่สุดศาลได้พิพากษาแก้โทษจำคุกนายบุญทรง โดยเพิ่มอีกกระทงหนึ่งเป็นเวลา 6 ปี จากโทษเดิม 42 ปี เป็น 48 ปี ก่อนจะได้รับพระราชทานอภัยโทษมาอย่างต่อเนื่องในฐานะนักโทษชั้นเยี่ยม จนเหลือ 10 ปี โดยจะพ้นโทษในวันที่ 21 เมษายน 2571 

สำหรับข้าราชการ 3 คน ได้แก่ มนัส สร้อยพลอย, ฑิฆัมพร นาทวรทัต และอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาลงมติการไต่สวน กรณีการทุจริตต่อหน้าที่ในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดว่า มีการร่วมกันกระทำความผิดจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542

และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 จากการตรวจสอบสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ “จีทูจี” จำนวน 4 สัญญา ปริมาณรวม 7.2 ล้านตัน มูลค่า 6.9 หมื่นล้านบาท โดยเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทที่ไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่น

แล้วนำข้าวที่ซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาขายภายในประเทศ หรือต่ำกว่าราคาที่ฝ่ายไทยเสนอ หรือต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ ไปขายต่อให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ หรือนำไปให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด นำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศอย่างร้ายแรง

โดย มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ศาลพิพากษาปี 2560 กำหนดโทษไว้ 40 ปี ก่อนจะได้รับพระราชทานอภัยโทษปี 2564 ถึง 2 รอบ ทำให้เหลือวันต้องโทษเพียง 8 ปี และจะพ้นโทษในวันที่ 11 กรกฎาคม 2569 ขณะที่ฑิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าวได้รับโทษจำคุก 32 ปี และอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศได้รับโทษจำคุก 24 ปี

สยามอินดิก้า

อภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง เจ้าของ “บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด” เป็นจำเลยในคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยจำเลยหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ไปพร้อมกับสุธี เชื่อมไธสง ลูกน้อง ต่อมาศาลฎีกาฯ พิจารณาคดีนี้ลับหลังจำเลยตามที่ อสส. ยื่นคำร้อง เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560

ก่อนอภิชาติจะถูกกำหนดโทษในปีต่อมาเป็นเวลา 48 ปี และได้รับพระราชทานอภัยโทษถึง 2 รอบในปี 2564 ทำให้เหลือโทษจำคุกเพียง 6 ปี 3 เดือน 26 วัน และพ้นโทษไปเมื่อ 26 ธันวาคม 2566 แต่ไม่ได้รับการพักการลงโทษ ยังคงอยู่ในเรือนจำฯ เนื่องด้วยยังมีคดีอื่นที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพัน

ด้านสุธี ลูกน้องคนสนิท ผู้ดำเนินการด้านการเงินได้หลบหนีคดีไปตั้งแต่ช่วงต้นที่มีการฟ้องคดีเข้าสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แล้วต่อมาเมื่อมี พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 ออกมาบังคับใช้ให้พิจารณาคดีที่ไม่มีตัวจำเลยซึ่งได้มีการออกหมายจับไว้

โดยในส่วนของคดีอาญา สุธีถูกพิพากษาให้จำคุก 4 กระทง เป็นเวลารวม 32 ปี และให้ชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง นอกจากนี้ยังมีพนักงานในบริษัท และกรรมการโรงสีข้าวที่ได้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 4-16 ปี อาทิ สมคิด เอื้อนสุภา, ลิตร พอใจ, สุทธิดา ผลดี, เรืองวัน เลิศศลารักษ์ และรัฐนิธ โสจิระกุล