แถลงผลงาน 90 วันรัฐบาล “อิ๊งค์” ดึงลงทุนแสนล้านชูอนาคตประเทศ

แพทองธาร ชินวัตร
แพทองธาร ชินวัตร

รัฐบาลเตรียมแถลงผลงานครบ 90 วัน สานต่อผลงานรัฐบาลเศรษฐา ฉายภาพโปรเจ็กต์ปี’68 ทั้งแก้หนี้ 1.31 ล้านล้าน บ้าน-รถ-SMEs พร้อมคิกออฟโครงการบ้านเพื่อคนไทย ช่วยให้คนที่มีเงินเดือนต่ำกว่า 2 หมื่นมีบ้าน ผ่อนเดือนละ 4 พัน ไม่มีดาวน์ ปักหมุดโครงการแรก บางซื่อ-เชียงราก-เชียงใหม่ เตรียมเปิดทำเนียบรัฐบาลต้อนรับนักลงทุนแสนล้านในเดือนมกราคม’68

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงการแถลงผลงานของนายกรัฐมนตรีในรอบ 90 วันว่า นอกจากจะมีการสรุปผลงานในรอบ 90 วันที่ผ่านมาและของใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะฉายภาพทิศทางของรัฐบาลในปี 2568 ในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของประชาชน

อาทิ นโยบายพักหนี้ นโยบายบ้านเพื่อคนไทยให้กับผู้มีรายได้น้อย เรื่องการดึงดูดการลงทุน รวมถึงนโยบายด้านสังคม เช่น การแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งนี้ งานดังกล่าวจะจัดในเวลา 10.00 น. ที่กรมประชาสัมพันธ์ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี รวมถึงข้าราชการระดับสูงของทุกกระทรวงเข้าร่วมด้วย

เปิดอนาคตให้คนมีความหวัง

ด้านแหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า เป้าหมายหลักของการจัดแถลงผลงาน 90 วันของนายกรัฐมนตรี เพื่อทำให้ประชาชนเห็นว่า ในปี 2568 รัฐบาลจะทำอะไรบ้าง ทำให้ประชาชนมีความหวัง และเห็นว่ารัฐบาลกำลังสร้างโอกาสใหม่ ๆ ฉายภาพว่าแม้รัฐบาล น.ส.แพทองธาร จะเพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้เพียงแค่ 3 เดือน แต่ได้สานต่อนโยบายของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้ไปเชิญชวนนักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนในไทย

อาทิ การลงทุนของ Google ได้ประกาศการลงทุนจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 35,000 ล้านบาทในไทย เพื่อสร้าง Data Center และ Cloud Region ในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างงานกว่า 14,000 ตำแหน่ง ในช่วงปี 2568-2572 และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 140,000 ล้านบาท ภายในปี 2572

การแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบาง ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนพิการ จำนวน 14.55 ล้านคน รวมถึงล่าสุดที่คณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่อนุมัติแจกเงิน 10,000 บาท ให้แก่ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 4 ล้านคน

ADVERTISMENT

โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการ และพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยช่วยไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท จำนวน 4.68 ล้านครัวเรือน วงเงิน 38,578.19 ล้านบาท

ฉายภาพโปรเจ็กต์’68

ส่วนที่ฉายภาพสิ่งที่จะทำในปี 2568 นั้น ที่เป็นนโยบายหลัก ๆ เช่น นโยบายปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน ที่พักชำระดอกเบี้ย 3 ปี 2.3 ล้านบัญชี มูลหนี้รวม 1.31 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็น กลุ่มหนี้บ้าน จะต้องมีมูลหนี้ไม่เกิน 3 ล้านบาท ในกลุ่มนี้มีจำนวนลูกหนี้ที่เข้าข่าย จำนวน 460,000 บัญชี มูลหนี้รวม 480,000 ล้านบาท

ADVERTISMENT

กลุ่มหนี้รถยนต์ ต้องมีมูลหนี้ไม่เกิน 800,000 บาท ในกลุ่มนี้ มีจำนวนลูกหนี้ที่เข้าข่ายจำนวน 1.4 ล้านบัญชี มูลหนี้รวม 370,000 ล้านบาท และกลุ่มหนี้เอสเอ็มอี ต้องมีมูลหนี้ไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งมีลูกหนี้เข้าข่ายจำนวน 430,000 บัญชี มูลหนี้รวม 454,000 ล้านบาท รวมถึงกลุ่ม SMEs ต้องมีมูลหนี้ไม่เกิน 3 ล้านบาท มีลูกหนี้ 430,000 บัญชี มูลหนี้รวม 454,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน วันที่ 11 ธันวาคมนี้ หลังจากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทยจะแถลงมาตรการแก้หนี้ของธนาคารพาณิชย์ ในส่วนของหนี้บ้าน รถ และ SMEs โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผู้แถลงข่าว

เปิดตัวโครงการบ้านเพื่อคนไทย

ในงานดังกล่าวจะเปิดตัวโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยบริเวณสถานีรถไฟที่มีศักยภาพ “โครงการบ้านเพื่อคนไทย” ซึ่งได้ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุม ครม.เมื่อ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยจะเป็นนโยบายสำหรับผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนชั้นกลาง ที่ต้องการมีบ้านพักอาศัย โดยเบื้องต้น กำหนดเกณฑ์ผู้ที่จะได้สิทธิต้องมีรายได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน ไม่ต้องดาวน์ ผ่อนเดือนละ 4 พันบาท มีสิทธิอยู่ยาว 99 ปี

ทั้งนี้ จะใช้ที่ดินรอบพื้นที่สถานีรถไฟหรือมีทำเลที่ตั้งใกล้กับระบบรางที่ไม่ได้ใช้เพื่อการเดินรถ (Non-Core Asset) มีประมาณ 38,000 ไร่

โดยแบ่งการพัฒนาโครงการบ้านเพื่อคนไทย เป็น 3 ระยะ 1.ระยะเร่งด่วน (พ.ศ. 2567-2568) ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง ระยะที่ 1 การดำเนินการโครงการอาคารชุด 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เชียงใหม่ พื้นที่เชียงราก

และพื้นที่บางซื่อ กม.11 ระยะที่ 2 การดำเนินการโครงการบ้านพัก 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เชียงใหม่ พื้นที่กาญจนบุรี และพื้นที่นครราชสีมา

2.ระยะสั้น (พ.ศ. 2569-2571) โครงการบ้านเพื่อคนไทย สำหรับโครงการตามแผนงานเบื้องต้น จำนวน 22 โครงการ และ 3.ระยะกลาง (พ.ศ. 2572-2576) โครงการบ้านเพื่อคนไทย สำหรับพื้นที่ที่มีศักยภาพ จำนวน 87 โครงการ

ต้อนรับนักลงทุนแสนล้าน

นอกจากนี้ยังจะมีการฉายภาพว่า นโยบายที่รัฐบาลพยายามจะทำเรื่องปฏิรูปภาษี ทั้งภาษี VAT ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีนิติบุคคล เพื่ออะไร รวมถึงในเดือนมกราคม นายกรัฐมนตรีจะเปิดทำเนียบรัฐบาล ต้อนรับนักลงทุนที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ หลักแสนล้านบาทด้วย

รวมถึงรัฐบาลฟื้นโครงการทุนการศึกษาของรัฐบาล ที่เคยมีในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย 1 อำเภอ 1 ทุน โดยพุ่งเป้าไปยังสาขาวิชาที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจและเทคโนโลยีแห่งอนาคต อาทิ สาขาที่เกี่ยวข้องกับ AI เป็นต้น

ภารกิจเยือนต่างประเทศ

สำหรับภารกิจในรอบ 3 เดือนของ น.ส.แพทองธาร ตั้งแต่บริหารประเทศอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 11 กันยายน 2567 ได้เข้าร่วมเวทีการประชุมระดับชาติ อาทิ

การเดินทางไปร่วมประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 2-4 ตุลาคม 2567 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์

โดยรัฐบาลได้ย้ำถึงการลงทุนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคม ทั้งขนส่งทางบก ทางราง ทางน้ำ เนื่องจากไทยอยู่ในภูมิศาสตร์ที่สำคัญ สามารถเป็นประตูสู่การเชื่อมต่อในโลกตะวันออก กับโลกตะวันตกได้เป็นอย่างดี

และยังพร้อมเพิ่มสนามบินใหม่ ๆ และพัฒนาศักยภาพสนามบินที่มีอยู่เพื่อรองรับทั้งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้าต่าง ๆ โดยเชิญชวนประเทศสมาชิก ACD มาร่วมกันพัฒนาเส้นทางการค้าใหม่ ๆ เพื่อเชื่อมต่อและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วทั้งเอเชีย ในฐานะที่เอเชียเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลก

ร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 8-11 ตุลาคม 2567 โดยได้หารือถึง ความเชื่อมโยง การท่องเที่ยว โดยได้มีการหารือเพื่อให้เพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างกันมากขึ้น ฟรีวีซ่า การบริหารจัดการน้ำ ซอฟต์พาวเวอร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน-ประชาชน รวมถึงความมั่นคงของมนุษย์ เช่น ความมั่นคงทางอาหาร พลังงานสีเขียว

ร่วมประชุมผู้นำประเทศเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ครั้งที่ 31 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ในระหว่างวันที่ 10-18 พฤศจิกายน 2567 โดยนายกฯได้คุยกับนักธุรกิจระดับผู้นำแต่ละเขตเศรษฐกิจ

อาทิ พลังงาน รถยนต์ไฟฟ้า และ AI ซึ่งหลายบริษัทสนใจลงทุนในประเทศไทยมาก และได้เชิญชวนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเน้นไปที่เทคโนโลยี AI Semiconductor และ Data Center และยังได้พูดคุยกับเอกชนยักษ์ใหญ่ 3 บริษัท ประกอบด้วย Tiktok Microsoft และ Google ที่แจ้งว่าสนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทยเพิ่ม

รับนักลงทุนต่างชาติ

นอกจากนี้ ยังมีนักลงทุนต่างชาติมาพบกับนายกฯ อาทิ นาง Ruth Porat ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัท Alphabet และ Google ที่ประกาศการลงทุนจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้าง Data Center และ Cloud Region ในประเทศไทย

คณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (US-ASEAN Business Council : USABC) กว่า 40 บริษัท ครอบคลุมในธุรกิจพลังงาน สาธารณสุข เทคโนโลยีดิจิทัล การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และการเงิน เข้าร่วมการหารือด้วย โดยนายกรัฐมนตรีได้สนทนากับคณะนักธุรกิจจาก USABC เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสหรัฐ

นายเจนเซน หวง ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท NVIDIA ที่เล็งเห็นถึงศักยภาพและความสามารถของไทยในการพัฒนา AI โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานข้อมูล ทรัพยากรบุคคล และเครือข่ายธุรกิจภายในประเทศ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาในด้านต่าง ๆ เช่น การดูแลสุขภาพ เกษตรกรรมอัจฉริยะ สำหรับขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ