การทูต ทักษิณ-กุนซือบ้านพิษ แก้เกมนโยบายขึ้นภาษี ทรัมป์ 2.0

TS-I
คอลัมน์ : Politics policy people forum

รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร เข้ามาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการเมือง-เศรษฐกิจโลก

โดยเฉพาะการที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สมัยที่ 2

นโยบายทรัมป์ ที่ได้ประกาศต่อสาธารณชนชาวอเมริกัน จะขึ้นภาษีนำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก จีน รวมถึงประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ

ไทย ตกอยู่ในความเสี่ยงทันที เพราะมูลนิธินวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITIF) ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังสมองในสหรัฐ เปิดเผยรายงาน “ดัชนีความเสี่ยงทรัมป์” (Trump Risk Index) ว่า ไทยมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกำแพงภาษีของทรัมป์เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากเม็กซิโก

ทุกองคาพยพในรัฐบาล จึงต้องรับมือความเสี่ยง

กลยุทธ์รู้เขา รู้เรา

บนเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ นอกจาก “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณทางการเมืองไปยังพรรคร่วมรัฐบาล เรื่องโดดประชุม ครม.หนีวาระร้อนแล้ว ยังพูดถึงการเข้ามาของ “ทรัมป์” ว่าไทย ควรใช้วิธี รู้เขา-รู้เรา

ADVERTISMENT

“สิ่งที่เราเป็นห่วงมากที่สุดหลังจากทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ระหว่างช่วงที่หาเสียงได้มีคนฝ่ายของทรัมป์ได้ Zoom คุยกับผมว่าให้ระวังนะ ประเทศไทย เพราะเราได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐอเมริกา เขาจะจัดการปัญหากับประเทศที่เขาเสียดุลโดยการเพิ่มภาษี หรือมีวิธีอื่นคือการให้นักลงทุนไทยไปลงทุนในตลาดอเมริกา ให้เกิดการจ้างงานในสหรัฐอเมริกา และวันนี้ชัดเจนเราต้องระวังเรื่องการขึ้นภาษี แน่นอนเราต้องเริ่มไปเจรจาพูดคุย หาทางว่าจะทำอย่างไรที่เราจะไม่โดนขึ้นภาษี”

“ข้อกังวลข้อหนึ่งของเขาคือ เพราะเราทำ FTA กับออสเตรเลีย โดยสินค้า Daily Product ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ส่วนของสหรัฐ เขาก็มองว่า อ้าว…แล้วทำไมเก็บภาษีเขา 50% ซึ่งอันนี้เราอาจมองว่าไม่ได้กระทบกับคนไทย หากเราจะลดภาษีให้เขาบ้าง กระทรวงพาณิชย์ กับกระทรวงการคลัง จึงต้องศึกษารอไว้ รู้เขา…รู้เรา”

ADVERTISMENT

เกมยื่นหมูยื่นแมว

อีกฟากหนึ่ง “พงศ์เทพ เทพกาญจนา” 1 ใน 5 ทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ที่มีชื่อเรียกทางการว่า คณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ได้มีการถก-เถียงถึงยุทธศาสตร์ของไทย หลังจากทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี

“กุนซือบ้านพิษฯดูเรื่องต่างประเทศด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ไทยต้องเจอหนัก ถ้าทรัมป์ขึ้นภาษีอย่างที่ประกาศไว้ เราส่งออกไปสหรัฐเยอะ จะกระทบทันที เราจะไปหาตลาดอื่นรองรับ ไม่มีทางทัน เพราะหลายอย่างถ้าขึ้นภาษีไทยปั๊บ แต่ไม่ขึ้นภาษีประเทศอื่น สินค้าประเทศอื่นก็เข้าไปแทนไทย เราต้องทำงานตั้งแต่ตอนนี้”

พงศ์เทพกล่าวว่า พอทรัมป์เข้ามาเป็นประธานาธิบดี เราต้องหาทางว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ทรัมป์มาขึ้นภาษีประเทศไทย เราจะเจรจาอย่างไร เช่นลงทุนในอเมริกาในจุดที่เขาต้องการให้เราลงทุน เพราะทรัมป์ก็มีแฟนคลับของเขา ซึ่งเป็นพวกแรงงาน บริษัทไทยก็ไปสร้างงานตรงนั้นได้ ก็ยื่นหมูยื่นแมวกัน

“ทรัมป์เป็นนักเจรจา เราก็ต้องดูช่องทางว่าทำอย่างไรให้กระทบเราน้อยที่สุด ถ้าเราไปทำอะไรให้แฟนคลับเขา ทรัมป์ก็จะแฮปปี้”

ดีแคลร์ ซื้อเครื่องบิน

หรือการบินไทย ที่จัดหาเครื่องบินโบอิ้ง 787 Dreamliner 45 ลำ ซึ่งการบินไทยไม่ได้ซื้อ แต่เป็นการจัดหาด้วยวิธีการเช่าดำเนินการ ซึ่งบริษัทที่ให้เช่าดำเนินการมีคำสั่งซื้อไปที่โบอิ้งก็เพราะไทยทำคำสั่งซื้อ แต่ตามตัวเลขไม่ปรากฏว่าไทยเป็นผู้สั่งซื้อ เพราะบริษัทที่สั่งซื้อเป็นบริษัทในสหรัฐ

ดังนั้น ตัวเลขตรงนี้เราต้องไปเจรจาให้รัฐบาลทรัมป์เข้าใจว่า ตัวเลขนี้เป็นคำสั่งซื้อของไทยนะ และยังมีค่าซ่อมบำรุงอีก ถ้าทำได้ ตัวเลขการขาดดุลก็จะน้อยลงไป เพราะถ้าเราดูตัวเลขการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐ เราได้ดุลสหรัฐเป็นจำนวนมาก

หรือกรณีเนื้อออสเตรเลีย เข้ามาไทย ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า แต่เนื้อสหรัฐ เสียภาษีนำเข้า 50% แต่เมื่อเนื้อนำเข้าอยู่แล้ว กรณีอย่างนี้เรามีปัญหากับสหรัฐ แต่ถ้าสมมุติคนไทยกินเนื้อ 20 ตัน แทนที่จะเป็นเนื้อออสเตรเลีย 19 ตัน อาจเป็นเนื้อสหรัฐ 10 ตัน เนื้อออสเตรเลีย 10 สหรัฐ ก็จะรู้สึกว่าเขาขายเนื้อให้ไทยได้

ที่สำคัญ เราต้องทำงานตั้งแต่ตอนนี้แล้ว ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา จะต้องรู้แล้วว่าใครจะเป็นตัวที่ไปเจรจากับใคร เพราะเราเห็นตัวรัฐมนตรีของรัฐบาลทรัมป์แล้ว ทูตของเราต้องไปหา ต้องใช้ทุกวิถีทางในการเตรียมทำความเข้าใจ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเข้ามาของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อโลก ที่สำคัญ ส่งผลกระทบไทยอย่างจัง หากไม่ตั้งรับให้ดี