พงศ์เทพ ทีมกุนซือนายกฯ เล่าอินไซด์วงประชุมบ้านพิษ-ทักษิณ

พงศ์เทพ เทพกาญจนา
พงศ์เทพ เทพกาญจนา
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ
ณัฐวุฒิ กรัณยโสภณ

พงศ์เทพ เทพกาญจนา เป็นหนึ่งใน 5 คณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี

ที่เรียกว่า “กุนซือบ้านพิษณุโลก” มีหน้าที่หลักคือ วิเคราะห์ และศึกษาโอกาสในการพัฒนาประเทศ พร้อมทั้งให้คำปรึกษาเสนอแนะแนวทางที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านนโยบายของรัฐบาล

เขานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง ทั้ง กระทรวงยุติธรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อเขาปรากฏตัวในการประชุมสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่หัวหิน

ในฐานะกุนซือบ้านพิษฯ ที่ประชุมกันทุกวันพฤหัสบดี เขาอัพเดตให้ฟังว่าทีมกุนซือกำลังถก-เถียงเรื่องอะไร

รีดไขมัน ขรก.-หารายได้ใหม่

“พงศ์เทพ” เล่าว่า คุยเรื่องรายได้ใหม่ของประเทศ

“คุยเรื่องน้ำ แต่เป็นน้ำที่ไปผลิตผลิตภัณฑ์น้ำเพื่อสร้างมูลค่า”

ADVERTISMENT

“เครื่องดื่มดี ๆ จะดีได้ น้ำต้องดี ซึ่งเราให้สำรวจน้ำในประเทศนี้ว่าจุดไหนที่มีคุณภาพที่ไปทำเครื่องดื่มดี ๆ ได้”

อีกด้านหนึ่งปัจจุบัน เราทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี เป็นงบประมาณขาดดุล เราต้องไปกู้เขามา ดังนั้น ถ้าเราลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นได้ ผลที่ตามก็คืองบประมาณขาดดุลก็ลดลง การกู้เงินก็ลดลง เราก็จะมีงบฯลงทุนต่อสัดส่วนงบประมาณเพิ่มด้วย ซึ่งผมจะคุยกับ ก.พ. กับ ก.พ.ร.ในเรื่องนี้ เพื่อลดจำนวนข้าราชการ ใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทน และต้องเพิ่มเงินให้ข้าราชการ เพื่อจูงใจให้คนเก่ง ๆ เข้ามาทำงาน

ADVERTISMENT

รวมถึงงบประมาณที่ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเสีย เช่น ข้าราชการระดับไหนบินชั้น First Class ได้ บางประเทศเขาจำกัดคนได้สิทธิมาก อย่าง ญี่ปุ่น เขาให้แค่นายกฯกับรัฐมนตรีว่าการเท่านั้น ดังนั้น ถ้าเราปรับกติกาก็ลดงบประมาณไปได้พอสมควร

รวมถึงค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการซึ่งสูงมาก เมื่อเทียบกับรายจ่ายต่อหัวของสิทธิบัตรทอง เป็นเพราะโรงพยาบาลก็ชาร์จค่ารักษาตามใจได้ เพราะข้าราชการไม่ได้สนใจเพราะไม่ได้จ่ายเงินเอง การชาร์จของโรงพยาบาลไม่มีปัญหา แต่พอชาร์จเกินไปกลายเป็นภาระของประชาชนส่วนรวม คิดว่าตรงนี้จะลดได้มากพอสมควร

“ถ้าเราไม่ลดยอดงบประมาณ เราก็จะไม่มีเงินมาลงทุนทำอย่างอื่น” พงศ์เทพกล่าว

ตั้งการ์ดรับมือทรัมป์

อีกส่วนหนึ่งทำอย่างไรถึงจะเพิ่มจีดีพี พอ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาเป็นประธานาธิบดี ทำให้เราต้องมาปรับยุทธศาสตร์เหมือนกัน เพราะต้องหาทางว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ทรัมป์มาขึ้นภาษีประเทศไทย เราจะเจรจาอย่างไร เช่น ลงทุนในอเมริกาในจุดที่เขาต้องการให้เราลงทุน เพราะทรัมป์ก็มีแฟนคลับของเขา ซึ่งเป็นพวกแรงงาน บริษัทไทยก็ไปสร้างงานตรงนั้นได้ ก็ยื่นหมูยื่นแมวกัน ทรัมป์เป็นนักเจรจา เราก็ต้องดูช่องทางว่าทำอย่างไรให้กระทบเราน้อยที่สุด ถ้าเราไปทำอะไรให้แฟนคลับเขา ทรัมป์ก็จะแฮปปี้

หรือการบินไทย ที่จัดหาเครื่องบินโบอิ้ง 787 Dreamliner 45 ลำ ซึ่งการบินไทยไม่ได้ซื้อ แต่เป็นการจัดหาด้วยวิธีการเช่าดำเนินการ ซึ่งบริษัทที่ให้เช่าดำเนินการมีคำสั่งซื้อก็เพราะไทยมีคำสั่งซื้อ แต่ตามตัวเลขไม่ปรากฏว่าไทยเป็นผู้สั่งซื้อ เพราะบริษัทที่สั่งซื้อเป็นบริษัทในสหรัฐ

ดังนั้น ตัวเลขตรงนี้เราต้องไปเจรจาให้ทรัมป์เข้าใจว่า ตัวเลขนี้เป็นคำสั่งซื้อของไทยนะ และยังมีค่าซ่อมบำรุงอีก ถ้าทำได้ ตัวเลขการขาดดุลก็จะน้อยลงไป เพราะถ้าเราดูตัวเลขการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐ เราได้ดุลสหรัฐเป็นจำนวนมาก

หรือกรณีเนื้อออสเตรเลีย เข้ามาไทย ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า แต่เนื้อสหรัฐ เสียภาษีนำเข้า 50% แต่เมื่อเนื้อนำเข้าอยู่แล้ว กรณีอย่างนี้เรามีปัญหากับสหรัฐ ถ้าเราลดภาษีให้สหรัฐ

สมมติคนไทยกินเนื้อ 20 ตัน แทนที่จะเป็นเนื้อออสเตรเลีย 19 ตัน อาจเป็นเนื้อสหรัฐ 10 เนื้อออสเตรเลีย 10 สหรัฐก็จะรู้สึกว่าเขาขายเนื้อให้ไทยได้

กุนซือบ้านพิษฯดูเรื่องต่างประเทศด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ไทยต้องเจอหนัก ถ้าทรัมป์ขึ้นภาษีอย่างที่ประกาศไว้ เราส่งออกไปสหรัฐเยอะ จะกระทบทันที เราจะไปตลาดอื่นรองรับ ไม่มีทางทัน เพราะหลายอย่างถ้าขึ้นภาษีไทยปั๊บ แต่ไม่ขึ้นภาษีประเทศอื่น สินค้าประเทศอื่นก็เข้าไปแทนไทย เราต้องทำงานตั้งแต่ตอนนี้

รถไฟเชื่อมสิงคโปร์-มาเลย์

อีกเรื่องที่เราคิดว่าสำคัญ คือจะทำการเชื่อมต่อทางรางโดยรถไฟความเร็วสูงจากจีน สู่สิงคโปร์ จีนสนใจแน่เพราะเขาอยากมีความมั่นคงด้านอาหาร ไทยก็มีสินค้าการเกษตรที่จะส่งไปยังจีน อีกทางหนึ่งจีนนำเข้าสินค้า ผลิตภัณฑ์นม เนย จากออสเตรเลียจำนวนมาก เป็นการเพิ่มช่องทางขนส่งจากสิงคโปร์ ผ่านมาเลเซีย ลาว สู่จีน ขณะที่มาเลเซียอยากส่งสินค้า เช่น ทุเรียนไปสู่จีน ส่วนไทยก็อยากส่งสินค้าไปจีนและยุโรป

ซึ่งมาเลเซียมีรางขนาดมาตรฐานที่กำลังสร้างอยู่ขณะนี้เช่นกัน

หนุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SMR

ขณะที่ไทยเปิดประตูรับการลงทุนใหม่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอนาคต อย่าง Data Center และ AI Center เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้าสูงมาก และพลังงานเหล่านั้นต้องเป็น Green Energy พงศ์เทพเล่าว่า ที่ประชุมก็มีคุยกันเรื่องนี้พร้อมกับนายกรัฐมนตรี ในเรื่องพลังงานสีเขียว

พลังงานนิวเคลียร์ ถือเป็น Green Energy แต่ที่คุยกันไม่ใช่เป็น Reactor ขนาดใหญ่เหมือนในอดีต แต่เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แบบ Small Modular Reactor หรือ SMR

พลังงานนิวเคลียร์ ยุโรปยอมรับว่าเป็น Green Energy ต้องยอมรับว่าขณะนี้ไม่มีทางที่จะทำ Green Energy ในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากพลังงานนิวเคลียร์ โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำจะมีให้ทำสักกี่แหล่ง หรือโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เดี๋ยวแดดอ่อน เดี๋ยวแดดแรง ลมก็เดี๋ยวลมเพลมพัด กรีนไม่แน่นอน แต่กรีนที่แน่นอนคือ SMR คือ เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบโมดูลขนาดเล็ก เทคโนโลยีนี้ใช้พื้นที่ในการก่อสร้างน้อย ซึ่งจะนำมาทำพลังงานสีเขียวได้ เพราะถ้าไม่ทำจะเจอคาร์บอนเครดิต

“เป็นส่วนที่ไทยต้องรีบดู และต้องรีบเตรียม ต้องใช้แน่ ไม่มีทางไม่ใช้”

“ขณะนี้เทคโนโลยีนี้ มีเจ้าที่ทำเยอะมาก แต่ต้องดูว่าระบบไหนดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด ในจีนมีเปิดเดินเครื่องอยู่หลายแห่ง ในสหรัฐอเมริกามีหลายเจ้ามาก แต่ต้องดูว่าตัวไหนที่ปลอดภัยที่สุดที่จะนำมาใช้ในไทย”

ทักษิณ ในมุมมองพงศ์เทพ

เมื่อเจอตัว “พงศ์เทพ” จึงถามถึงการกลับมาของ “ทักษิณ” ว่าจะเป็นประโยชน์กับพรรคเพื่อไทยแค่ไหน เขาตอบว่า ท่านนายกฯทักษิณ มีประสบการณ์เยอะ มีความคิดใหม่ ๆ เยอะ เพราะท่านอ่านหนังสือเยอะ

สมัยตอนที่ท่านเป็นนายกฯ ท่านอ่านหนังสือ ท่านจะเห็นของใหม่ ๆ แปลก ๆ เร็ว ท่านก็มาเล่าในที่ประชุม ครม.ฟัง ซึ่งตรงนี้อาจจะช่วยพรรคเพื่อไทยได้ในแง่ของนโยบาย

พรรคเพื่อไทยคิดนโยบายอะไรต่าง ๆ ท่านอาจมาช่วยให้ความเห็นได้ หากมาปรึกษาท่าน เพราะท่านทำมาเยอะ คิดว่าเป็นประโยชน์แน่ และที่สำคัญ คนไทยก็จะได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน

อีกส่วนหนึ่ง นายกฯทักษิณ ท่านมีแฟนคลับของท่าน ที่ท่านกลับมาอยู่เมืองไทย แฟนคลับของท่านแน่นอนว่ามีกำลังใจ มีการสนับสนุน เวลาที่ท่านทักษิณไปช่วยหาเสียงตามพื้นที่ต่าง ๆ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง