
ระดมความคิด “ISAN NEXT : พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก” เวทีสัมมนาครั้งใหญ่ของอีสาน จัดโดยเครือมติชน-ม.ราชภัฏนครราชสีมา “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” เปิดเวทีชู 10 จุดเด่นภาคอีสาน มั่นใจใช้เป็นหนึ่งในฐานกู้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ สภาพัฒน์มองอีสานสำคัญเพราะสร้างรายได้ 10% ของจีดีพี หวังค้าชายแดนเป็นพระเอก ขณะที่ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม มั่นใจอนาคตอันใกล้สร้างอีสานเชื่อมโลก ดันเป็นโลจิสติกส์ฮับ ด้าน “พิชัย ชุณหวชิร” รมว.คลัง ตั้งเป้าช่วยแก้หนี้ ลดดอกเบี้ย 3 ปี ก่อนปิดท้ายด้วยบรรยายพิเศษ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่หอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา บรรยากาศงานสัมมนา ISAN NEXT : พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับ “เครือมติชน”
สุวัจน์เผย 5 จุดแข็งประเทศ
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กล่าวเปิดงานว่า ประเทศไทยเรามีจุดได้เปรียบ 4-5 อย่างที่เป็นจุดแข็ง โดยเรื่องแรก คือ การเป็นประเทศเกษตรกรรม ซึ่งวันนี้ประชากรโลกมีการขยายตัวถึง 8,000 ล้านคน ต่อไปความต้องการสินค้าทางการเกษตรและอาหารจะสูงมาก อันนี้เป็นจุดแข็งแรกของเรา
เรื่องที่ 2 อาหารของประเทศไทย ถือว่าเป็นผู้ผลิตอาหารป้อนโลก
จุดแข็งอันที่ 3 ของประเทศไทย คือ ภาคบริการ ที่ไม่มีใครจะมีจิตวิญญาณในการให้บริการเท่ากับพี่น้องคนไทย อันที่ 4 คือ เป็นประเทศท่องเที่ยวของโลก และสุดท้ายจุดแข็งที่ 5 คือ เราเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม
“ผมคิดว่า ถ้าเราเอาจุดแข็งทั้งด้านเกษตร อาหาร บริการ ท่องเที่ยว วัฒนธรรม มาตั้งแท่นกันใหม่ แล้วปรับโครงสร้างเศรษฐกิจกันใหม่ ต่อยอดกันใหม่ จะเป็นอะไรที่เป็นความยั่งยืน และเป็นทางออกในการฝ่าวิกฤตให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศไทยได้”
อีสานมี 10 จุดเด่นสำคัญ
นายสุวัจน์กล่าวและว่า จุดแข็งของเรามีอยู่ในทุกภาคส่วนของประเทศ แต่ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่อีสาน มองเห็นว่าอีสานมีจุดแข็งที่กล่าวไปทั้ง 10 จุด
1.อีสานมีประชากร หรือกำลังคน 1 ใน 3 ของประเทศไทย 2.GDP ของภาคอีสานมีประมาณ 2 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ประเทศ 3.อีสานเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ด้านการเกษตร อ้อย มัน ข้าว เป็นต้น 4.อีสานมีเอกลักษณ์ด้านอาหาร แม้กระทั่งร้านลาบ หรือขนมจีน ก็ได้มิชลินไกด์
5.อีสานอุดมสมบูรณ์ด้วยวัฒนธรรม ศิลปะ โบราณคดี 6.สถานที่ท่องเที่ยวของอีสานมีมากมายมหาศาล 7.มีโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่สามารถจะต่อยอด ต่อเติมไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ เรามีมอเตอร์เวย์จากกรุงเทพฯมาโคราช ปีหน้าจะมีการเปิดรถไฟทางคู่จากกรุงเทพฯมาโคราช ขยายไปทั่วภาคอีสาน เรามีรถไฟความเร็วสูง
ใช้เป็นฐานกู้วิกฤตเศรษฐกิจ
8.อีสานเป็นขุมทรัพย์ด้านแรงงานของประเทศ ฉะนั้นสามารถต้อนรับการลงทุนต่างๆ ได้มากมาย 9.อีสานเป็นแหล่งผลิตพลังงานทดแทน หรือพลังงานสีเขียว และ 10.ฮวงจุ้ยของอีสาน หากนึกถึง พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ท่านบอกว่า “อีสานคือประตูสู่อินโดจีน” เราข้ามแม่น้ำโขงไปก็อินโดจีน นั่นคือ แหล่งทุน แหล่งอุตสาหกรรม และแหล่งส่งออก แล้ววันนี้ภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยนไป มันไม่ได้หยุดอยู่แค่อินโดจีน แต่อีสานเป็นประตูสู่อินโดจีน และเอเชีย-แปซิฟิก
“10 ปัจจัยนี้ ผมว่ามันคือความพร้อมของอีสาน กระทั่งเป็นที่มางานสัมมนา ISAN NEXT พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก เป็นความร่วมมือกันระหว่างเครือมติชน ที่เป็นสื่อที่ลึกทางด้านเศรษฐกิจการลงทุน และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เชิญผู้รู้ นักวิชาการต่าง ๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สร้างแพลตฟอร์มและหามาตรการระยะยาวที่จะกอบกู้วิกฤตของประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยใช้อีสานเป็นพื้นฐาน” นายสุวัจน์กล่าว
รายได้อีสาน 10% ของจีดีพี
นางสาวจินนา ตันศราวิพุธ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ กล่าวในหัวข้อ “อีสาน ทำเลทองอินโดจีน ระเบียงเศรษฐกิจใหม่” ว่า ในแง่พื้นที่ภาคอีสานนั้น จำนวน 20 จังหวัด สามารถสร้างรายได้คิดเป็น 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) เป็นเงิน 1.7 ล้านล้านบาท โครงสร้างพื้นฐานเรามี
ส่วนโครงสร้างเศรษฐกิจ 10% ที่ภาคอีสานสร้างให้ประเทศนั้น มาจากภาคบริการ 22% อีก 22% มาจากภาคอุตสาหกรรม และอีก 20% มาจากภาคเกษตร
อย่างไรก็ตาม ประชากรอยู่ในอีสานเยอะ ทำให้รายได้ต่อหัวเมื่อเทียบกับภาคอื่น ๆ แล้ว อยู่ในระดับเกือบต่ำสุด ในปี 2565 รายได้ต่อหัวของคนอีสานอยู่ที่ 95,000 บาทต่อคนต่อปี ในขณะที่ประเทศอยู่ที่ประมาณ 240,000 บาทต่อคนต่อปี
ค้าชายแดนพระเอกหลัก
ขณะที่อีกหนึ่งแหล่งรายได้หลักของอีสาน คือ การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน โดยในพื้นที่อีสานมีด่านศุลกากรทั้งหมด 10 ด่าน ด่านถาวรอีก 3 ด่าน มูลค่าการค้าชายแดนในปี 2567 ทั่วประเทศอยู่ที่ 9 แสนล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มาจากด่านหนองคายมากถึง 9% ของทั่วประเทศ หรือราว 8.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ด่านทั้ง 10 ด่านของอีสาน รวม 2.3 แสนล้านบาท
เราต้องทำให้ด่านชายแดน 10+3 ในภาคอีสาน ไม่ใช่แค่ให้สินค้าผ่านเข้าผ่านออกเท่านั้น แต่ต้องดูประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับอีสานของเราด้วย ในส่วนระเบียงเศรษฐกิจภาคอีสาน (NeEC) มีเม็ดเงินลงทุนอยู่ที่ 9.2 หมื่นล้านบาท โดยเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานลม แดด หรือปิโตรเลียมก็มี ทั้งนี้ ก็พัฒนาเรื่องระเบียงเศรษฐกิจในทุกพื้นที่ต้องมีความบาลานซ์กัน
ระบบรางขนส่งเชื่อมอนาคต
ส่วนโครงสร้างพื้นฐานของภาคอีสานที่โดดเด่น คือ โครงข่ายระบบราง รถไฟทางคู่ นอกจากนี้ ยังมีรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เป็นสิ่งที่จะเปิดอีสานสู่สาธารณะ เชื่อมอีสานกับทุกพื้นที่ และสร้างโอกาสให้ภาคอีสานในทุกด้าน ไม่ว่าท่องเที่ยวและธุรกิจ
“สุริยะ” ดันอีสานเชื่อมโลก
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม กล่าวในหัวข้อ “อีสานเชื่อมโลก” ฉายภาพให้เห็นโอกาสของประเทศไทยและอีสาน ในการเชื่อมไทยสู่โลก เป็นการเชื่อมโยง มีแผนที่กำลังดำเนินการและที่จะทำในอนาคต
โดยภาพกว้าง หากเชื่อมไทยกับโลกได้เป็นโอกาสของประเทศในการค้า การลงทุน
“ส่วนจีน เป็นประเทศยักษ์ใหญ่ของโลก เป็นเป้าหมายที่ประเทศไทยจะต้องเข้าหา เพื่อเป็นสะพานไปยังตลาดการค้าโลก ถ้าเราเชื่อมประเทศไทยไปสู่จีน เราสามารถเชื่อมกับคนได้มากกว่า 1,000 ล้านคน และเส้นทางนี้ผ่านทางอีสาน ก็จะสร้างโอกาสในการเดินทางและการขนส่งสินค้าไปยังจีน รวมถึงตลาดภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกได้อย่างกว้างขวางขึ้น” นายสุริยะกล่าว
อัพเดตเมกะโปรเจ็กต์
นายสุริยะกล่าวว่า โครงการสำคัญในภาคอีสาน ทางราง อยู่ระหว่างการเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟรางคู่ในภาคอีสาน จาก กทม.ไปหนองคายให้เสร็จโดยเร็ว โดยโครงการที่ 1 ช่วงมาบกระเบา-ชุมทางถนนจิระ เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2569
โครงการที่ 2 เป็นชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น เปิดให้บริการแล้วในปี 2562 โครงการที่ 3 จากขอนแก่นถึงหนองคาย หมายความว่าการเดินทาง ขนส่งสินค้า ทั้งจาก กทม.และพื้นที่ อีอีซี สามารถเชื่อมต่อไปยังลาวและจีนได้อย่างสะดวกรวดเร็วขึ้น โดยมีเส้นทางผ่านพื้นที่อีสาน
สร้าง รฟ.ทางคู่และความเร็วสูง
นายสุริยะกล่าวว่า ในแนวตะวันตก และตะวันออกของอีสาน จะมีรถไฟทางคู่อีก 2 เส้นทาง เพื่อเชื่อมโยงไทย ลาว เวียดนามไปสู่จีน
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม มีแผนดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมไปยังจีน ลงทุนกว่า 5 แสนล้านบาท
มุ่งเป้าเป็นโลจิสติกส์ฮับ
นายสุริยะยังยกตัวอย่างการสร้างความเชื่อมโยงด้านคมนาคมสู่อนาคตว่า รัฐบาลมีการผลักดันแผนแม่บท MR Map พัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง และระบบรางเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้เป็น Logistics Hub ได้จริงต่อไป
การลงทุนของรัฐบาลทั้งรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์เชื่อมจีน ที่จะสามารถกระจายสินค้าจากไทยสู่จีนและไปทั่วโลก และดึงดูดนักท่องเที่ยวมาสู่ไทยนั้น พี่น้องชาวอีสานจะต้องวางแผนพัฒนาตัวเองให้พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการลงทุนของรัฐบาล ไม่เช่นนั้น อีสานเป็นเพียงทางผ่านของเส้นทางระหว่างประเทศ
“พิชัย” ชี้ต้องแก้หนี้ก่อนเดินต่อ
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวบนเวทีสัมมนาในหัวข้อ “แก้หนี้คนอีสาน ?” ว่า ก่อนจะพลิกฟื้น คนต้องมีความพร้อมก่อน โดยต้องได้รับการจัดการแก้ปัญหาหนี้ที่มีอยู่เดิมให้ลุล่วง ก่อนที่จะก้าวเดินต่อไป โดยเฉพาะหนี้ที่เรื้อรังที่ต้องแก้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งจำเป็นต้องทำให้เศรษฐกิจภาคอีสานเติบโต คนมีรายได้เพิ่ม จึงจะแก้หนี้ได้อย่างยั่งยืน
“ถ้าดูรายได้ต่อหัว คนโคราชมีรายได้ต่อหัวเพียงครึ่งเดียวของค่าเฉลี่ยประเทศ ซึ่งประเทศไทย 2 ปีที่แล้ว คนไทยมีรายได้เฉลี่ยที่ 2.5 แสนบาทต่อคนต่อปี ตอนนี้ขึ้นนิดหน่อย โดยคนโคราชมีรายได้ระดับนี้ประมาณครึ่งหนึ่ง แต่ถ้านับทั้งอีสานจะมีแค่ประมาณ 37% คือ มากกว่า 1 ใน 3 นิดหน่อย แปลว่ามีปัญหา”
รัฐบาลให้พักหนี้-งดดอก 3 ปี
การแก้หนี้ของประเทศ หรือหนี้ครัวเรือน ที่มีกว่า 16 ล้านล้านบาท ขณะที่เศรษฐกิจอยู่ที่ 19 ล้านล้านบาท ออกมาราว 90% ซึ่งมากไป เพราะควรจะอยู่ที่ระดับ 70% ที่ผ่านมา แก้ปัญหาโดยพักหนี้ไว้ก่อน เลื่อนไป 1-2 ปี แล้วพักดอกเบี้ยด้วย แต่ดอกเบี้ยยังเดิน ยังพบว่าเมื่อต้องกลับมาจ่าย ก็จ่ายไม่ได้ กลายเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)
“วันนี้รัฐบาลเห็นแล้วว่าจะแก้อย่างไร ที่จะให้เงินต้นลด ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำ รัฐบาลจึงมีเงื่อนไขว่า ใครที่มีโอกาสจะฟื้น โดยเฉพาะคนที่เพิ่งไม่สามารถจะชำระได้ภายในช่วงสั้น ๆ จนกระทั่งถึง 1 ปี ก็มีเยอะ พบว่ามีหลายล้านบัญชี วงเงินทั้งหมดกว่า 8 แสนล้านบาท ที่มีปัญหา เราตั้งเงื่อนไขว่าพักดอกเบี้ยไว้ก่อน แต่ไม่เหมือนเดิมคือไม่ต้องจ่าย 3 ปี แต่ต้องมาลงทะเบียน แล้วก็ให้จ่ายเฉพาะเงินต้น โดยหักเงินต้นน้อยกว่าปกติในช่วง 3 ปีแรก
รัฐ-แบงก์แบกคนละครึ่ง
ส่วนเงินที่ช่วยจ่ายดอกเบี้ย เป็นเงินของรัฐบาลครึ่งหนึ่ง และธนาคารอีกครึ่งหนึ่ง ธนาคารต้องร่วมด้วย เพราะถ้าปล่อยให้หนี้ครัวเรือน หนี้เอสเอ็มอีมีปัญหาไปจนลุกไม่ขึ้น วันหนึ่งก็จะลามไปถึงสถาบันการเงินอยู่ดี
เงินจ่ายดอกเบี้ย ปีหนึ่งก็ประมาณเกือบ 8 หมื่นล้านบาท ที่เราจะช่วย ฉะนั้น 3 ปีก็ 2.4 แสนล้านบาท รัฐบาลจ่ายครึ่งหนึ่ง ธนาคารพาณิชย์อีกครึ่งหนึ่ง อันนี้คือกติกา ตอนนี้ก็เปิดให้ลงทะเบียนแล้ว มีคนมาลงเยอะมาก เมื่อเข้าใจกติกา ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนไปถึงวันที่ 28 ก.พ. 2568
เชื่ออีสานมีโอกาสมากขึ้น
รองนายกฯและ รมว.คลังกล่าวว่า ที่ผ่านมาเศรษฐกิจภาคอีสานไม่ดี เพราะไม่ติดทะเล ค้าขายลำบาก แต่ปัจจุบันต่างไปจากเดิม เพราะมีโอกาสจากเส้นทางส่งสินค้าจากจีน ที่จะออกไปฝั่งอันดามัน ซึ่งตรงนี้เป็นโอกาสหากมีการพัฒนาที่ดี เพื่อเป็นเส้นทางโลจิสติกส์สำหรับประเทศที่ส่งออกและนำเข้า ขณะเดียวกันเส้นทาง Northeast Corridor ก็เป็นโอกาส ซึ่งต้องผ่านอีสานเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ภาคเกษตร หากสามารถผลักดันพัฒนาไบโอเทคโนโลยีได้ จะเป็นอีกโอกาสของประเทศไทย
ทักษิณ ชินวัตร บรรยายพิเศษ
นอกจากนี้มีการบรรยายหัวข้อ “การท่องเที่ยวอีสาน ผ่าน Soft Power : จากอัตลักษณ์สู่ความยั่งยืน” โดย น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บรรยายหัวข้อ “ดิน น้ำ เส้นเลือดใหญ่เกษตรกรอีสาน” และบทสรุป “ISAN NEXT : พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก” โดย รศ.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
ปิดท้ายด้วย ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “อนาคตอีสาน โอกาสประเทศไทย”