
แพทองธาร ประชุม ครม.นัดส่งท้ายปี วาระเพียบ จับตาอนุมัติเงินหมื่นเฟส 2 Easy e-Receipt ออกสลากการกุศล 1 หมื่นล้าน เข้าโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม นำคณะผู้บริหาร เข้าพบนายกฯ จัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2568 ให้แก่ประชาชน
ที่บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม นำคณะผู้บริหาร เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2568 ให้แก่ประชาชน โดยนายกฯปฏิเสธตอบคำถาม กรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล จะมาขอฟังคำตอบกรณีเอ็มโอยู 44 โดยระบุว่าเดี๋ยวจะมีคนตอบให้
จากนั้นนายกฯ ได้เดินดูผลิตภัณฑ์ผ้าไทยและได้ลองใส่ผ้าพันคอ ลายเกาะแก้ว จ.เพชรบุรี พร้อมกล่าวว่า ผ้าไทยมีสวย ๆ เยอะ พร้อมแนะนำให้ตั้งกลุ่มในแพลตฟอร์มเพื่อให้ประชาชนเลือกซื้อสินค้าได้ง่าย และนายกฯ ยังได้ดูผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่นำภูมิปัญญาท้องถิ่นนำมาผสมสมุนไพรและผ่านการวิจัย เช่น ยาสีฟันสมุนไพรข่อยอัดเม็ดจากสมุย และสเปรย์น้ำแร่ที่นายกฯ สนใจ เพราะใช้กับเด็กได้โดยไม่แพ้ ก่อนหยิบแจกให้รัฐมนตรี
เวลา 10.00 น. นายกฯ เป็นประธานการประชุม ครม. แถลง โดยสวมเสื้อผ้าในธีมสีแดงขาว ต้อนรับเทศกาลปีใหม่และวันคริสต์มาส เพื่อเตรียมร่วมกิจกรรมกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลในช่วงเย็นวันเดียวกัน
ทั้งนี้ในการประชุม ครม.ได้มีการแลกของขวัญปีใหม่
โดยนายกจะมอบกล่องจุ่มผ้าไทยย้อมคราม ลายขอพระราชทานของของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ดอนกอยโมเดล จ.สกลนคร มามอบให้ ครม. โดยจะให้รัฐมนตรีผู้หญิงสุ่มเลือกผ้าตัดชุด 2 เมตร ส่วนผู้ชายจะเป็นเนกไท จิมทอมสัน เป็นของขวัญปีใหม่
ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เตรียมผลิตภัณฑ์โดยฝีมือของคนพิการ จากศูนย์ส่งเสริมอาชีพคนพิการ หรือโรงงานปีคนพิการ เป็นกระเป๋าผ้าปักชื่อของ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี แต่ละรัฐมนตรี มามอบให้กับ ครม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมมี ครม. แจ้งลา 3 คน ประกอบด้วย น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์
สำหรับวาระการประชุมที่น่าสนใจ อาทิ กระทรวงการคลัง เสนอโครงการสนับสนุนเงิน 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงวัยที่มีอายุเกิน 60 ปี คาดว่ามีผู้ได้รับสิทธิประมาณ 3.2 ล้านคน วงเงินราว 3.2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนั้น เสนอมาตรการ Easy e-Receipt เพื่อเป็นการสนับสนุนการบริโภคในประเทศ ซื้อสินค้าและบริการ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท สำหรับปีภาษี 2568 เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.-28 ก.พ. 68 โดยสินค้าที่ไม่เข้าร่วมโครงการได้ สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ ค่าบริการบรรจุไฟฟ้ายานพาหนะ ซื้อรถจักรยานยนต์ ซื้อจักรยาน ค่าซื้อเรือ ค่าบริการไฟฟ้า ค่าบริการน้ำประปา ค่าเบี้ยประกัน ค่าบริการมือถือ ค่าบริการอินเทอร์เน็ต ทองคำ จะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ เป็นต้น
รวมถึงเสนอออกสลากการกุศล วงเงิน 10,000 ล้านบาท งวดละ 11 ล้านฉบับ เป็นระยะเวลา 2 ปี วัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ในโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนการศึกษา (ODOS) ช่วยให้เด็กและเยาวชน มีโอกาสไปศึกษาต่างประเทศ คาดเริ่มออกสลากได้ตั้งแต่เดือน ก.พ.
นอกจากนั้น จะเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรา และยกเว้นรัษฎากร ซึ่งเป็นมาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทย ที่มีศักยภาพที่ทํางานในต่างประเทศ ให้กลับเข้ามาทํางานในประเทศ
ด้านกระทรวงมหาดไทย จะเสนอ แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย รวม 32 ตำแหน่ง แบ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด 25 ตำแหน่ง และผู้ตรวจราชการกระทรวง 7 ตำแหน่ง เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง