
ทักษิณ โชว์วิชั่นฟื้นฟูเศรษฐกิจ แนะปรับตัวเร็วรับลงทุน-บิตคอยน์ ฟื้นโปรเจ็กต์ถมทะเลป้องกันน้ำท่วม ให้สัมปทาน 99 ปีช่วยจูงใจ เชื่อช่วยกัน ศก.ปี 2027 โต 5%-แซะ ธปท.อยู่อีกประเทศไม่คุยกับใคร-มั่นใจลดค่าไฟ 3.70 ทำได้-เผย ‘อันวาร์’ ขอให้ช่วยแก้ปัญหาเมียนมา
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมงานดินเนอร์ทอล์ก พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ในประเด็น “การฟื้นฟูความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย รวมถึงแนวทางการพัฒนาตลาดทุนไทย” เพื่อให้เป็นที่นิยมและเกิดการยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับสากล โดยมีนักการเมือง นักธุรกิจ และภาคเอกชนต่าง ๆ ร่วมรับฟัง
นายทักษิณกล่าวช่วงแรกว่า นี่เป็นการพูดที่ตื่นเต้นมากที่สุด เพราะถูกคาดหวังว่าพรุ่งนี้หุ้นจะต้องขึ้น ส่วนหุ้นจะขึ้นหรือไม่ขึ้น ก็ต้องให้ผู้จัดการกองทุนช่วยแล้ว เพราะตนไม่สามารถ เนื่องจากมีเงินเดือนเพียง 700 บาท จนบางทีต้องไปปราศรัยได้เวทีละ 300 บาท แต่มั่นใจว่าประเทศไทยเรายังมีอนาคตอีกเยอะ แต่ขาดการบริหารที่ถูกต้องเท่านั้น
ทั้งนี้ ก่อนที่ตนจะมาพูดมีการพูดคุยกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาเศรษฐกิจ จึงไม่มีอะไรจะเซอร์ไพรส์รัฐบาลมากมาย ซึ่งนายกฯติดตามปัญหาที่เกิดขึ้นตลอด และมักถามตนตลอดว่านี่เกิดอะไรขึ้น ซึ่งตนขออธิบายในฐานะผู้เฒ่าผู้แก่ที่ผ่านประสบการณ์กันมา
ขณะที่การปรับตัวของไทย นายทักษิณมองว่าจากนี้ต้องเร็ว หากจะต้องออกเป็น พ.ร.ก.ก็ต้องดำเนินการ โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรัฐมนตรีการว่าการกระทรวงการคลังก็เตรียมดำเนินการ
ช่วงหนึ่งนายทักษิณระบุว่า การปรับตัวให้เขามาลงทุนก็ต้องทำให้เข้ามา โดยล่าสุดทาง ครม.ก็มีมติเห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … (เอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ซึ่งตรงนี้จะมีการลงทุนประมาณ 5 แสนล้าน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มซัพพลาย นอกจากนี้ รัฐบาลก็อยากเห็นสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เตรียมรับมือเรื่องบิตคอยน์
นายทักษิณกล่าวอีกกว่า เรื่องคริปโตฯ รัฐบาลเตรียมจะทำแซนด์บ็อก อาจจะเริ่มที่ภูเก็ต โดยเริ่มจากบิทคอยน์ให้สามารถใช้ชำระเงินได้ แต่จัดการโดยรัฐบาล คือคนที่รับบิทคอยน์ไม่มีความเสี่ยงเลย เหมือนคนรับดอลลาร์ที่มี Exchange ให้แลก ซึ่งจะมีเรตชัดเจน
“บิทคอยน์ก็เหมือนกัน เช่น ไปพักโรงแรม ใช้ทั้งหมด ครึ่งบิทคอยน์ สมมุติ เป็นเงินทั้งหมด 1.5 ล้านบาท Exchange ที่ไหนรับ ก็โอนเข้าบัญชีให้เรา ฉะนั้นก็ไม่มีใครเสี่ยง ก็จะเป็นอีก 1 สกุลเงินที่มีทั่วโลก ฉะนั้น คนที่มีบิทคอยน์คือคนที่กำไร ซึ่งมีแนวโน้มใช้เงินมากขึ้น ฟุ่มเฟือยมากขึ้น เราก็อยากจะให้มาใช้เงินเยอะ ๆ ที่ไทย โดยจะเริ่มทดลองที่ภูเก็ต”
นอกจากนี้ตนเองก็อยากให้ทำแซนด์บ็อกซ์ในเรื่องนวัตกรรมด้วยซึ่งนวัตกรรมใหม่ๆเกิดขึ้นแต่กฎหมายตามไม่ทันซึ่งการทำแซนด์บ็อกซ์จะเป็นการทดลองปฏิบัติจริงไม่ว่าจะเรื่องสเต็มเซลล์ซึ่งมีหลายอย่างอย่างเช่นสเต็มเซลล์ที่ใช้จากร่างกายตัวเอง
ส่วนการส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ รัฐบาลจะส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ให้มากขึ้น นอกจากเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ก็จะมีเรื่องของดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งจะต้องดึงเอไอฮับให้มาอยู่ที่ไทยให้ได้ โดยจะเกี่ยวข้องกับเรื่องค่าไฟ เพราะก่อนหน้านี้ตนเองไปพูดถึงเรื่องลดค่าไฟเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย ซึ่งได้รับเสียงตอบรับดี โดยตนเองไปแอบเห็นตัวเลขแล้ว มองว่าทำได้ แต่คนยังไม่เข้าใจ หุ้นพลังงานจึงตก แต่จริง ๆ แล้วไม่กระทบ แค่รีดไขมันมากกว่า เพราะวันนี้มีหลายอย่างสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แล้วไปบวกเอากับประชาชน
“3.70 บาท ถือว่าขั้นต่ำ ผมเคยพูดกับคุณพีระพันธุ์ ว่าวันนี้โซล่าเซลล์ลงมาถึง 2 บาท แต่เราปั่นไฟฟ้า เราใช้แก๊สบ้าง ใช้ถ่ายหินบ้าง ขอให้ไปคำนวณว่า โรงไฟฟ้าโรงไหนที่มีค่าใช้จ่ายเกินกว่า กรีนเอนเนอร์ยี่ปิดดีกว่า หรือหยุด เอาไว้สแตนบายด์ เพื่อลดต้นทุน ดึงค่าไฟเฉลี่ยลงมา”
ทั้งนี้ เชื่อว่ามีหลายอย่างที่สามารถทำเพื่อรีดค่าไฟฟ้าลงได้ซึ่งปตท. อาจกระทบบ้าง จากค่าผ่านท่อ แต่ทาง ปตท. ก็เต็มใจที่จะลดลง อย่างไรก็ดี ดูแล้วมีความเป็นไปได้ที่ค่าไฟจะลดลงเรื่อย ๆ มีสูง ซึ่งจำเป็น เพราะการลงทุนจากต่างประเทศ เวลาต่างชาติจะมาลงทุน จะถามเรื่องค่าไฟก่อน ดังนั้นค่าไฟต้องเป็นแรงจูงใจ เรื่องการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาต้าเซ็นเตอร์ เอไอฮับ
ช่วงหนึ่งนายทักษิณกล่าวถึงสถานการณ์สหรัฐว่า กำลังจะได้ผู้นำสหรัฐ ก็จะมีนโยบายให้ใช้คริปโตใช้หนี้ ฉะนั้น เมื่อเราเห็นว่าประเทศมหาอำนาจเคลื่อนเช่นนี้ ไทยก็ต้องตื่นตัวได้แล้ว ว่าสิ่งเหล่านี้กำลังมา ส่วนคนที่เข้าใจและปิดตัวเองก็ควรเปิดได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเราจะไม่ทันเขา ซึ่ง ก.ล.ต.ควรมีสายดิจิทัลบ้าง และเตรียมเปิดทางกติกาเหล่านี้ให้รองรับสิ่งที่โลกจะไป รวมถึงการดำเนินการเรื่องคาร์บอนเครดิต
นายทักษิณมองว่า วันนี้อยากเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้มากขึ้น เพราะเงินที่เรามีอยู่ในระบบเศรษฐกิจ มักจะถูกดูดไปเป็นบอนด์หมด แม้กระทั่งปีที่แล้วที่ออกกองทุน ESG จะให้มาช่วยตลาดหุ้น แต่พบว่า 80% กลับไปเป็นบอนด์ หรือแม้กระทั่ง LTF ที่หมดอายุไปบ้าง กำลังจะหมดบ้าง ซึ่งวันนี้ได้กำลังคิดว่า จะทำต่อหรือไม่ ทาง รมว.คลังจะไปคุยกับที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจว่า ควรจะทำต่อหรือไม่
“LTF บางคนบอกว่า พอหมดอายุก็รีไซเคิล แต่ถ้าไม่รีไซเคิล เงินก็ไหลออก คืออยากเห็นเม็ดเงินอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ กับในระบบเศรษฐกิจให้มาก ๆ ฉะนั้น วันนี้ ต้องเลี้ยงเม็ดเงินตัวนี้ให้ได้ อยากทำให้เม็ดเงินตรงนี้อยู่ในระบบให้ได้”
อดีตนายกฯ บอกอีกว่า ขณะนี้ประเทศไทยต้องพัฒนาคนและพัฒนาธุรกิจใหม่ ไม่เช่นนั้นเราจะเสียเปรียบทั้งโลก ซึ่งมีคนถามตนว่ายังไหวไหม ซึ่งตนก็คงมีเวลาทำงานช่วยประเทศชาติได้อีก 20 ปีมั้ง ซึ่งแค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว แต่จะช่วยเต็มที่เท่าที่ทำได้ ไม่ฉะนั้นเราก็จะอยู่ในเศรษฐกิจเก่า ๆ โลกเก่า ๆ ซึ่งเราต้องดึงตัวเองขึ้นมาอยู่อันดับบน ๆ
ส่วนการพัฒนาประเทศที่เป็นคุณต่อตลาดทุน นายทักษิณกล่าวว่าระบบเศรษฐกิจและตลาดทุนไปด้วยกัน ฉะนั้นเราต้องทำระบบเศรษฐกิจแข็งแรงให้ได้ โดยสิ่งที่ตนอยากทำคือ EV จีน และอีโคซิสเต็มจากออโต้โมบิล เรื่องนี้ต้องฝาก BOI ว่าจะดำเนินการอย่างไร ไม่เช่นนั้นระบบนิเวศที่เราสร้างเรื่องรถยนต์ไว้จะพังหมด โดยเรื่องนี้เราต้องรักษาสมดุลให้ได้ ฉะนั้น ฝากว่าเราจะต้องสร้างความสมดุลตรงนี้ให้ได้ เพื่อให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยยังอยู่ ฉะนั้นวันนี้ทุกคนต้องช่วยกัน โดยรัฐบาลจะต้องเร่งเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
แล้วเรื่องที่สองต้องระวังคือ สงครามการส่งออก ต้องหาตลาดใหม่เพิ่ม ไปพร้อมกับปรับปรุงสินค้าของไทย ทั้งอุตสาหกรรมเกษตร ที่ผ่านมาก็มีปัญหาอยู่บ้าง ฉะนั้น เราต้องเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้โดยทำเรื่องสินค้าสำคัญของเราให้ดี ส่วนการนำเข้าสินค้าต้องคุมเข้มเรื่องสินค้าไร้คุณภาพไม่เช่นนั้นจะมาฆ่า SMEs ไทย
และวันนี้เราต้องสร้างอุตสาหกรรมใหม่ เช่น ยาหรือเวชภัณฑ์ ฉะนั้น วันนี้เราต้องส่งเสริมอุตสาหกรรมฟาร์มาซี ไปพร้อมกับการหาอุตสาหกรรมใหม่ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอุตสาหกรรมใหม่ ๆ
นายทักษิณกล่าวอีกว่า วันนี้สินค้าจีนอยากเข้ามาไทยเพื่อไปขายตลาดอื่นได้ รวมถึงหลายประเทศ โดยวันนี้ BOI ต้องเน้นลงรายละเอียดว่าเราจะได้อะไร เพื่อรักษาอุตสาหกรรมที่เรามีอยู่
นายทักษิณยังกล่าวถึงเรื่องการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกฯดำเนินการ อาทิ อาหาร มวยไทย อีสปอร์ต รวมถึงการโปรโมตสินค้าของแต่ละจังหวัด ซึ่งเรากำลังจะสร้างทุกจังหวัดเพื่อให้ทุกจังหวัดมีรายได้
ขณะที่การพัฒนาท่องเที่ยว เราต้องเน้นเรื่องการอำนวยความสะดวกสบายในการเข้า-ออก ไปพร้อมกับความปลอดภัย เพราะประเทศไทยต้องติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด โดยดำเนินการด้วยเอไอ ซึ่งจะเริ่มที่ กทม. และจังหวัดท่องเที่ยว หากทำได้ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจในการเดินทางมา แต่ก็ต้องระวังเพราะวันนี้มีปัญหาเรื่องดาราจีน เพราะจีนเค้ามากันแบบครบวงจรก็ต้องระวัง ฉะนั้น เรื่องการท่องเที่ยวต้องไม่ให้เสียชื่อ ไปพร้อมกับเน้นหลักประกัน รวมถึงพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้สะอาด
ขณะที่การสร้างอินฟราสตรักเจอร์ ทั้งสนามบินใหม่ เส้นทางใหม่ในภูเก็ต รวมถึงทำแมนเมตท่องเที่ยวใหม่ ๆ ในต่างจังหวัด ต้องทำเพื่อให้การท่องเที่ยวกระจายตัว ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วง 2 ปีของรัฐบาลที่เหลือ เพราะเราต้องการจะสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ให้ประชาชน
ส่วนการให้สัมปทาน 99 ปีของรัฐ อดีตนายกฯ กล่าวว่าจะเป็นการสร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเกิดการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสิ่งแรกเราจะสร้างบ้านเพื่อคนไทยในพื้นที่ของการรถไฟฯ โดยประชาชนไม่ต้องดาวน์ และผ่อน 4 พันต่อเดือน ซึ่งจะทำให้คนที่ฝันมีบ้านนั้นมีบ้าน และเมื่อเขามีรายได้ดีขึ้นเขาก็จะไปซื้อบ้านหลังใหญ่เพื่อเริ่มต้นชีวิต
นอกจากนี้ สิ่งที่อยากจะทำซึ่งเป็นโครงการใหญ่ คือการถมทะเลป้องกันน้ำท่วม เพราะ กทม. โอกาสน้ำท่วมนั้นสูงมาก เพราะโลกร้อน ฉะนั้น ถ้าวันนี้เราถมทะเลเป็นเขื่อน ไม่ให้น้ำเข้าก็จะช่วยได้เยอะ แต่ถ้ารัฐบาลลงทุนเองคงไม่ไหว แต่ถ้าให้สัมปทาน 99 ปี และให้เอกชนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุนถมทะเล และแบ่งจัดการผลประโยชน์ก็คุ้ม ซึ่งหลัง ๆ ที่ตนพูดเรื่องนี้ก็มีคนสนใจ พร้อมยกตัวอย่างโครงการดูไบ สิ่งเหล่านี้ก็ควรจะเกิดเพื่อสร้างบรรยากาศของการลงทุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้มากขึ้น และเราก็จะได้ขยายที่ดินมากขึ้น
นายทักษิณกล่าวอีกว่า ตนได้ขอให้กระทรวงคมนาคมทำเรื่องการขุดลอกคลอง โดยให้นำดินไปใช้ประโยชน์ ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับการถมทะเล ก็อาจจะใช้ประโยชน์จากตรงนี้ ก็ต้องใช้เวลาหน่อย เพราะต้องแก้กฎหมาย
ส่วนการแก้ปัญหาเรื้อรังของรัฐบาล นายทักษิณระบุว่าปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยภาคเอกชนบางรายไม่รับซื้ออ้อยที่เผา ก็น่ารักมาก ฉะนั้น วันนี้ปัญหาฝุ่นประเทศไทยต้องเอาจริงกับเรื่องนี้ หากยังไม่มีมาตรการก็ต้องดำเนินการ รวมถึงที่ช่วยไร่ละ 1,000 บาท หากตรงไหนเผาก็ไม่ให้ ดังนั้น เรื่องฝุ่น PM 2.5 ต้องซีเรียส
ส่วนปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อดีตนายกฯ ระบุว่า เคยให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และบริษัทโทรคมนาคม ไม่ให้ความร่วมมือ เพราะเรานำไฟไปให้เขากระทำความผิด และสุดท้ายมาหลอกเงินคนไทย รวมถึงเรื่องยาเสพติด ขณะนี้เปรียบเสมือนเราให้ทุนสู้รบในเมียนมาพอสมควร และนำยาเสพติดมาขายลูกหลานเรา ฉะนั้น เรื่องนี้ต้องเด็ดขาด ดังนั้น ในฐานะที่ตนได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน นายอันวาร์ อิบราฮิม เค้าขอให้ผมช่วยแก้ปัญหาในเมียนมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องรีบทำ
ส่วนปัญหาที่ตนกลุ้มใจอีกเรื่อง ชนบทไม่มีเงินใช้ เพราะเงินที่หาได้ไปซื้อของกิน ซื้อเสื้อผ้า แต่ร้านค้าเป็นสาขากรุงเทพฯ ทำให้เม็ดเงินอยู่ในต่างจังหวัด ตนมองว่าทางแก้เราต้องจูงใจให้บริษัทในกรุงเทพฯ ไปตั้งพื้นที่ในต่างจังหวัด โดยอาจจะมีมาตรการทางภาษีจูงใจ รวมถึงจะเป็นไปได้ไหมที่เราจะไปสร้างที่จอดสนามบินของแต่ละสายการบินในแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นการไปเพิ่มเศรษฐกิจ นอกจากโครงการดิจิทัลวอลเลต
นายทักษิณระบุอีกว่า การจะทำงานให้สำเร็จ ตนมั่นใจว่าหากเราทำต่อเนื่อง มีการดึงลงทุนต่างประเทศต่อเนื่อง จะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาโต วันนี้ตนเศร้าใจมากที่มาเลเซียโต 5.6% แต่ไทยโต 3% ซึ่งหวังว่าปี 2026 ต้องทำให้ได้ 4% และปี 2027 ต้องทำให้ได้ 5% เพราะไม่มีอะไรเกินความพยายาม ซึ่งวันนี้รัฐบาลมีหน้าที่ทำให้ประเทศ การมานั่งด่ารัฐบาลไม่เป็นผล ฉะนั้น เราต้องช่วยกันทำและสนับสนุนให้รัฐบาลทำงานให้ประเทศ
อดีตนายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ก็มีการผ่านกฎหมายสำคัญ อาทิ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และนำพนันออนไลน์ใต้ดินขึ้นมาบนดิน ก็ต้องมีการมาควบคุมไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 เล่น ซึ่งสามารถควบคุมได้โดยการยืนยันตัวตน ซึ่งขณะนี้ ครม.รับหลักการ และเชื่อว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะมีสิ่งที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาบนดินบ้าง
นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องที่โยนฝากให้คิดเอาไว้ ในอดีต 10 ปีที่ผ่านมา ไทยเศรษฐกิจไม่ดี แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องพิมพ์แบงก์เพิ่มตลอดเวลา ซึ่งมันหายลงใต้ดินเยอะ ฉะนั้น หากจะทำอย่างไรให้เงินขึ้นมาทำงานบนดิน
วันนี้ตนอยากเห็นความสามัคคีของประเทศจริง ๆ เพราะเราแตกสามัคคีกันนานแล้ว เพราะวันนี้เราช้ากว่าคนอื่นเขาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาเราทำกันเองโดยไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ส่วนนักวิชาการและคนทำโพลทั้งหลาย อยากให้ทุกคนมีความสามัคคีกันในบ้านเมือง คือวันนี้ตนอยากให้สามเสาหลักของประเทศคุยกันบ้าง แต่ ธปท.ไม่คุยกับใครเลย สงสัยคงอยู่อีกประเทศนึง ตนอยากให้คุยกัน หากคุยได้ก็เชื่อว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นบวก ซึ่งพูดขนาดนี้ถ้าพรุ่งนี้หุ้นขึ้นตนจะไปอยู่ตรงไหน
ในช่วงท้ายนายทักษิณระบุว่า ตนจะใช้ประสบการณ์ช่วยประเทศเต็มที่ และเชื่อว่าปี 2026 เศรษฐกิจจะโต 4% และ 2027 จะพยายามให้ได้ 5% และปีนี้ก็จะพยามให้โตกว่า 3% ทั้งนี้ เชื่อว่าหลังจากตนเดินทางไปต่างประเทศก็จะเห็นเงินลงทุนเข้ามา เพราะหลายคนอยากนำเงินเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะเอไอฮับ ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนมั่นใจในรัฐบาล ซึ่งตนเชื่อว่ารัฐบาลทำได้ เพราะสิ่งที่พูดไม่เกินจริง