บิ๊กโปรเจ็กต์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ หารายได้ 2.4 แสนล้าน พลิกเศรษฐกิจ

Entertainment Complex

ในที่สุดคณะรัฐมนตรีก็เห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex ที่มีองค์ประกอบสำคัญคือ “กาสิโน” เป็นโปรเจ็กต์สร้างรายได้ใหม่ของรัฐบาล ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลพยายามผลักดัน แต่ต้องรอกระบวนการว่าจะผ่านอะไร แค่ไหน อย่างไร

แต่เกิดขึ้นเร็วก็ดี ดูอย่างสิงคโปร์ที่มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีกาสิโนแค่ 10% นอกนั้นเป็นเรื่องท่องเที่ยว เมื่อก่อนอาจมีคนบอกว่าสิงคโปร์มีสถานที่ท่องเที่ยวน้อย แต่พอมีกาสิโนเข้ามาทำให้การท่องเที่ยวเขาเจริญเติบโตมาก และจีดีพีก็สูงมากขึ้นเช่นกัน เกิดผลดีกับประเทศในอนาคต ถ้าผลักดันให้เกิดขึ้นเร็วได้ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดี

เม็ดเงินลงทุน 1 แสนล้าน

“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฉบับนี้ ถือว่าเป็นไปตามแนวนโยบายแห่งรัฐข้อที่ 7 คือเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ โดยเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-Made Destination) เช่น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า สถานบันเทิงครบวงจร นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย ไม่ใช่การผลักดันการตั้งกาสิโนถูกกฎหมายขึ้นเพียงอย่างเดียว เพราะจะเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น

และที่ประชุม ครม.ยังมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจากหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย เช่น ต้องการให้ผลักดันกีฬาพื้นถิ่นเข้าไปใน Entertainment Complex ทั้งมวยไทย หรือไก่ชน ซึ่งที่ประชุมรับทราบข้อคิดเห็นทั้งหมด ก่อนนำไปปรับในร่างกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของการลงทุนจริงแต่ละจุดที่เป็น Entertainment Complex มีเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท

สร้างรายได้ท่องเที่ยว 2.4 แสนล้าน

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ส่วนรายได้คาดว่าจะมาจากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 1.2-2.4 แสนล้านบาทต่อปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5-10% โดยเฉพาะการกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวได้อย่างน้อย 13% สามารถลดช่องว่างทางรายได้ระหว่างช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวและนอกฤดูกาลได้แคบลงกว่าเดิม รวมทั้งเพิ่มรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาทต่อราย สร้างการจ้างงาน 9,000-15,000 ตำแหน่ง

โดยการลงทุนแต่ละจุดจะช่วยสร้างรายได้ให้กับรัฐไม่ต่ำกว่า 1.2-4 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากธุรกิจที่เป็นโรงแรม สวนสนุก สถานที่ท่องเที่ยว อีกส่วนคือรายได้จากการพนัน โดยรายได้ทั้งหมดนั้นจะนำไปพัฒนาประเทศ และนำกลับไปเยียวยา กำกับ และบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมการพนันต่อไป

ADVERTISMENT

ส่วนขั้นตอนจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะตรวจร่างและปรับร่างกฎหมายก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรภายใน 1-2 เดือน

จุดเริ่มต้นแก้พนันผิดกฎหมาย

เรื่องการตั้ง Entertainment Complex ในช่วง 10 ปีหลัง มีความพยายามผลักดันมาตั้งแต่ยุคสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มี “เทียนฉาย กีรนันทน์” เป็นประธาน โดยสมาชิก สปช.กลุ่มหนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับแกนนำคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ผลักดันไม่สำเร็จ

ADVERTISMENT

เวลาล่วงเลยมาถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 โดยมีการเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตั้งกรรมาธิการศึกษา Entertainment Complex ขึ้นมาอีกครั้ง และตั้งสำเร็จเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 โดยที่ประชุมสภามีมติ 310 ต่อ 9 เสียง มีผู้เสนอญัตติให้ตั้งกรรมาธิการศึกษากว่า 12 ญัตติ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งขณะนั้นคือพรรคเพื่อไทย แต่แล้วรายงานของกรรมาธิการก็เป็นแค่รายงานการศึกษา

จนกระทั่งในรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน โดยพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีความพยายามจาก สส.หลายพรรคที่จะตั้งกรรมาธิการศึกษา Entertainment Complex ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรครวมไทยสร้างชาติ

26 ตุลาคม 2566 สภาผู้แทนราษฎรจึงมีมติ โดยไม่ต้องลงมติ เพราะทั้งสภาเห็นชอบให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร Entertainment Complex เพื่อแก้ปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดยมี “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง เป็นประธาน

วัตถุประสงค์ของสภาในขณะนั้นมี 2 ส่วน 1.เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย 2.เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ

ในรายงานคณะกรรมาธิการสรุปผลการศึกษา โดยคาดการณ์จํานวนลูกค้ากาสิโนขั้นต่ำจะอยู่ที่ร้อยละ 10 ของจํานวนผู้ที่อยู่ในประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ. 2565 โดยคิดเป็นลูกค้ากาสิโนทั้งสิ้น 4.8 ล้านคน ประกอบด้วยลูกค้าชาวต่างชาติทั้งสิ้น 1.1 ล้านคน และลูกค้าชาวไทย 3.7 ล้านคน

ทั้งนี้ หากประมาณการรายได้ของกิจการกาสิโนเฉพาะรูปแบบ Onsite โดยตั้งสมมุติฐานจากจํานวนลูกค้ากาสิโนขั้นต่ำร้อยละ 10 ดังกล่าว และอ้างอิงสถิติรายได้ของกาสิโนจากประเทศกัมพูชา ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยขั้นต่ำต่อหัวประมาณ 73 เหรียญ (เหตุที่ใช้ข้อมูลสถิติของกาสิโนในกัมพูชา เนื่องจากมีการรายงานว่า ร้อยละ 95 ของลูกค้ากาสิโนในกัมพูชาเป็นชาวไทย) ดังนั้น จะสามารถประมาณการรายได้ ดังนี้

รายได้จากชาวต่างชาติประมาณ 2,810.5 ล้านบาท รายได้จากชาวไทยประมาณ 9,453.5 ล้านบาท รวมรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 12,264 ล้านบาท

ขณะที่ผลการศึกษา “เชิงลบ” อาทิ ก่อให้เกิดปัญหาต่อสังคม หากรัฐไม่มีมาตรการควบคุมสถานกาสิโนอย่างเข้มงวดและโปร่งใส เช่น สังคมเสื่อมศีลธรรม ปัญหาฉ้อโกง ปล้น ลักทรัพย์ การก่ออาชญากรรม ตลอดจนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทําให้เกิดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจที่ผิดกฎหมาย การค้ายาเสพติด การค้าโสเภณีข้ามชาติ และการค้าสินค้าหนีภาษี

ขณะที่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในเวลานั้น ให้การสนับสนุนว่า “ผมว่าถึงเวลาที่สังคมเราจะต้องมาดูกัน เรื่องของสังคมอีแอบ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีอยู่แล้ว เอามากำกับดูแลให้เหมาะสม เพื่อฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองจะได้ดูแลให้ถูกต้อง เราต้องบริหารจัดการไปในระหว่างทาง ผมไม่แน่ใจว่ากฎหมายจะผ่านเมื่อไหร่ และจะมาเปิดได้เมื่อไหร่ ก็ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร แต่ระหว่างนี้ยังไงก็ต้องจัดการกับสิ่งที่ผิดกฎหมายไป”

ในที่สุด วันที่ 28 มีนาคม 2567 ที่ประชุมสภามีมติ 253 ต่อ 0 เห็นชอบรายงานคณะกรรมาธิการ และส่งรายงานฉบับดังกล่าวไปให้รัฐบาลพิจารณา โดยที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังศึกษาความเป็นไปได้ และพิจารณายกร่างกฎหมายพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … ก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร และเห็นชอบในหลักการเมื่อ 13 มกราคม 2568

เปิดความเห็นหน่วยงาน

ขณะที่ความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า อาทิ นโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-Made Destination) หากมุ่งจะพัฒนาพื้นที่เป้าหมายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) จึงเป็นเพียง “ส่วนประกอบหนึ่ง” ของแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นเท่านั้น

และอาจมีสถานที่ใดที่จัดให้มีการเล่นกาสิโนด้วยได้ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวที่มุ่งหมายเฉพาะสถานบันเทิงครบวงจรนั้นยังไม่สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าสถานบันเทิงครบวงจรคือสิ่งใด เพราะแต่ละกิจกรรมมีกฎหมายเฉพาะควบคุมอยู่

รายงานผลการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงของสภาผู้แทนราษฎร มุ่งแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าร่างกฎหมายที่เสนอ ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับผลการศึกษาดังกล่าวจะแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมายได้อย่างไร โดยหากจะแก้ไขปัญหาเรื่องการพนันผิดกฎหมาย สามารถที่จะดำเนินการได้ตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน หรือแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการพนันที่ใช้บังคับมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478

ขณะที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีความเห็น อาทิ การดำเนินธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรควรมุ่งเน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อสันทนาการสำหรับครอบครัวที่ประชาชนสามารถได้ประโยชน์เป็นสำคัญ โดยการดำเนินธุรกิจที่สุ่มเสี่ยง อาทิ กาสิโนต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง และให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เงินจากการพนันมีลักษณะเป็น “เงินโอน (Transfer)” จะไม่ถูกนำมาคำนวณเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เนื่องจากไม่ทำให้เกิดผลผลิต (Production) ดังนั้น ธุรกิจกาสิโนอาจจะไม่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจมากเท่าที่มีการคาดการณ์ไว้

พรรคร่วมหนุนเป็นเสียงเดียว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า มหาดไทยทำความเห็นไปแล้ว โดยหลักการเราไม่มีปัญหา แต่ให้ดูข้อกฎหมายว่าจะบริหารจัดการอย่างไร

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า รัฐบาลก็ส่วนรัฐบาล เรื่องของกฎหมายต้องเข้าสภา และเป็นดุลพินิจอิสระของ สส. หรือของพรรคอยู่แล้ว และทางพรรคได้เรียนกับผู้ร่วมรัฐบาลว่า สส.ของพรรคขอไม่เห็นด้วย เพราะว่าเป็นพื้นที่ของพี่น้องมุสลิม และผิดหลักการของหลักศาสนา

อธิการบดี ม.หอการค้าไทยเห็นด้วย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองว่ารัฐบาลมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ไม่ใช่เน้นธุรกิจการพนันแต่อย่างเดียว ซึ่งปัจจุบันมีหลายประเทศที่สามารถทำเงินจากธุรกิจ Entertainment Complex ได้กว่าปีละ 1 ล้านล้านบาท รวมทั้งในอาเซียน เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม สปป.ลาว และพม่า ก็มีรายได้จากธุรกิจนี้ปีละตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทไปจนถึงหลายแสนล้านบาท ไทยสูญเสียเงินตราในส่วนนี้ไปจำนวนมาก

ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์และเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน สังคมยังต้องการการถกเถียง และการให้ความรู้มากกว่านี้ รวมทั้งต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้เด็กเข้าถึงการพนันด้วย