เดิมพันการเมืองรัฐบาล-ฝ่ายค้าน เพื่อไทย เร่งฟื้นเศรษฐกิจ-ปชน.ลุ้นคดี 44 สส.

รัฐบาล-ฝ่ายค้าน
คอลัมน์ : Politics policy people forum

การเมือง 2568 อยู่ในสภาพพลิกคว่ำพลิกหงายได้ทุกเมื่อ เพราะมีหลายปัจจัยร้อนข้างหน้ารออยู่

ไม่แปลกที่พรรคเพื่อไทยเร่งเครื่องเต็มสูบ เพราะเข้าสู่ปี 2568 เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลแพทองธารเหลือเวลาทำงานไม่ถึง 2 ปี

ทุกนโยบายต้องเข็นออกสู่สาธารณะเต็มที่ ทั้งการแจกเงินเฟส 2-บ้านเพื่อคนไทย-ลดค่าไฟ

ทุกอย่างต้องออกมาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเรียกเรตติ้ง-ความเชื่อมั่นกลับมา โดยเฉพาะการฟื้นเศรษฐกิจก่อนจะเดินเข้าสู่สนามเลือกตั้งในปี 2570

ขณะที่อีกขั้วหนึ่ง พรรคประชาชนยังมีเดิมพันสำคัญ คือคดีร้องจริยธรรม 44 สส.ที่ร่วมกันยื่นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องไปตรวจสอบ

เป็นเดิมพัน 2 ขั้วที่จะเกิดขึ้นในศักราช 2568

ADVERTISMENT

เศรษฐกิจเดิมพันรัฐบาล

“ดร.สติธร ธนานิธิโชติ” ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า วิเคราะห์ “เดิมพัน” ของรัฐบาลว่า เข้าสู่ปีที่ 3 ของรัฐบาล ปีสำคัญ อย่างน้อยนโยบายที่ปล่อยออกไปต้องเปรี้ยง ต้องปัง กระแทกใจคน ไม่เช่นนั้นไม่ได้ จะไปหวังปีสุดท้าย (2569) ลำบากแล้ว เพราะเป็นปีที่ 2 ของนายกฯแพทองธาร และปีที่ 3 ของรัฐบาล ต้นปีอาจจะยังไม่เห็นหรอก แต่อาจจะเห็นปลาย ๆ ปี และจะต่อยอดไปถึงปี 2569 ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายจริง ๆ แต่ถ้าผลงานยังไม่เริ่มออกเลย…เหนื่อยแล้วนะ

ส่วนนโยบายแก้รัฐธรรมนูญเดินหน้ายาก เพราะตอนนี้ชัดแล้วว่า ถ้ากฎหมายประชามติถูกแขวนไป 180 วัน ประชามติครั้งที่ 1 อย่างเร็วในปลายปี 2568 หรือจะไปเดินเกมประชามติ 2 ครั้ง สุดท้ายก็จะวนกลับไหม เพราะจะมีคนยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าจะให้ทำประชามติกี่ครั้ง และศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ตีความ และบอกให้กลับไปอ่านคำวินิจฉัยที่เคยวินิจฉัยไปแล้ว สุดท้ายก็เดินไปเดินมา มันไม่ได้ไปไหน ไม่ได้เริ่มเสียที

ADVERTISMENT

แต่พอรัฐธรรมนูญไม่ถูกแก้ในรัฐบาลนี้ แปลว่าเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาชนสามารถหยิบไปเป็นนโยบายเรือธงได้ ว่าเห็นไหมเราพยายามทำมาเท่าไหร่แล้ว มันไปไม่ได้ ดังนั้น ต้องเลือกพรรคเราให้เป็นเสียงข้างมากเท่านั้นถึงจะแก้ได้ เหมือนอารมณ์สมัยโน้นที่พรรคชาติไทย สมัยบรรหาร ศิลปอาชา ไปโฆษณาว่า ถ้าเลือกพรรคชาติไทยจะไปแก้รัฐธรรมนูญ จนได้รัฐธรรมนูญ 2540 ออกมา

ก็จะกลายเป็นนโยบายเรือธงหลักของพรรคประชาชน ส่วนคนที่ทำให้เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญไม่ขยับก็จะเป็นจำเลยทั้งหมด พอถึงเวลานั้นไปแข่งแคมเปญ คนก็จะไม่ฟังแล้ว ต่อให้พรรคเพื่อไทยดีเบตว่าจะเสนอแก้รัฐธรรมนูญเหมือนกัน พอคนถามว่ารวมหมวด 1 หมวด 2 ไหม ก็ตอบไม่ได้แล้ว

2 ปีสุดท้ายรัฐบาลเดิมพันด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว เหลือไพ่หน้าเดียวให้เล่น ถ้าไม่ได้ตายทันที ด้านการเมืองก็ประคองไปอย่าให้เจ็บเยอะเหมือนทุกวันนี้ อยู่ในฝ่ายที่สนับสนุนให้แก้ พ.ร.บ.ประชามติ พรรคประชาชนเสนอประชามติ 2 ครั้ง จะได้แก้รัฐธรรมนูญกัน พรรคเพื่อไทยก็เอาด้วย แต่พรรคเพื่อไทยก็รู้อยู่แล้ว เดี๋ยว สว.ก็ตีตก พรรคภูมิใจไทยเขาก็ไม่เอา แต่ก็ประคองตัวไปได้ อย่างน้อยไม่เสียจุดยืน”

“แต่พอถึงสนามเลือกตั้งนี่สิ… พรรคเพื่อไทยเดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ลำบาก”

2 เดิมพันใหญ่พรรคประชาชน

ส่วนฝ่ายค้านพรรคประชาชน “ดร.สติธร” มองว่า เดิมพันของพรรคประชาชนคือ ผู้นำคนใหม่ของเขาจะจุดกระแสได้เท่ากับผู้นำรุ่นก่อนไหม และยังมีความไม่แน่นอนอีก ว่ายุทธศาสตร์พรรคประชาชน พอถึงเลือกตั้งสนามใหญ่ ระหว่างนี้เขาจะวางไปอย่างไร เพราะเอาเข้าจริงความสำเร็จของพรรคประชาชนที่ผ่านมา 2 ครั้ง (พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล) ถอดบทเรียนยากว่าตกลงเป็นเพราะอะไร

หลาย ๆ เรื่องเป็นจังหวะโอกาสทางการเมืองมากกว่า เหมือนซื้อลอตเตอรี่แล้วถูก ยังต้องลุ้นหวยหัวหน้าพรรค (ตั้งณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นหัวหน้าพรรค) ว่าซื้อแล้วถูกไหม เพราะปัจจัยอันหนึ่งคือ ตอนอนาคตใหม่มี ธนาธร (จึงรุ่งเรืองกิจ) ตอนพรรคก้าวไกลมี (พิธา ลิ้มเจริญรัตน์) เขาก็รู้สึกว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ดึงกระแสมาหาพรรค นอกจากเรื่องเชิงคอนเทนต์ อุดมการณ์ การเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าไม่มีคนสื่อสารอุดมการณ์เหล่านี้ออกไป…มันก็ยาก

ถ้าหากคุณเท้งมีอันเป็นไปก็ต้องเปลี่ยนหัวหน้าพรรคกันใหม่ เพราะอยู่ในกลุ่ม 44 สส.ที่ ป.ป.ช.ไต่สวนจริยธรรม กรณียื่นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อันเป็นผลพวงจากคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

เตรียมรับมือ “คดี 44 สส.”

ด้าน “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึง “คดี 44 สส.” ว่า ทีมกฎหมายได้เตรียมการไว้อย่างดี แต่หากสุดท้าย 44 สส.ถูกตัดสิทธิทางการเมืองจริง พรรคประชาชนมีกำลังพอที่จะเดินหน้าต่อหรือไม่นั้น เชื่อมั่นเพื่อน ๆ ในพรรคประชาชนที่กำลังทำหน้าที่อยู่ในตอนนี้ ทุกคนจะเห็นว่าการทำหน้าที่ของ สส.ในพรรคประชาชนเรามีดาวเด่นในสภาหลายคน และเชื่อมั่นว่าไม่ว่าใครในตอนนี้หากต้องถูกตัดสิทธิในอนาคต ก็ยังเชื่อว่าพรรคประชาชนสามารถเดินหน้าต่อได้ตราบใดที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน

“คดี 44 สส.” คาดใช้เวลาปีครึ่ง

ด้าน นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาชน ด้านกฎหมาย อธิบายเพิ่มว่า ขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการ “ไต่มูล” ในชั้นคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.เท่านั้น ทั้งตัวเองและเพื่อน สส.ยังไม่ได้ถูกเรียกให้ไปชี้แจงแต่อย่างใด ซึ่งกรอบของคณะอนุกรรมการมีเวลา 1 ปี นับจากเริ่มประชุมนัดแรก

อย่างไรก็ตาม หากยึดตามคำให้สัมภาษณ์ของเลขาฯ ป.ป.ช.ที่ระบุว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนจะสามารถสรุปสำนวนเพื่อเสนอเข้าที่ประชุม ป.ป.ช.ได้ในเดือนมกราคม ก็คาดว่าจะชี้มูล-แจ้งข้อกล่าวหา สส.ที่ร่วมยื่นแก้กฎหมายได้ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม เป็นอย่างเร็ว หรืออย่างช้าคือเดือนมิถุนายน

“ตอนนี้ผมจึงให้เพื่อน ๆ สส.หมั่นตรวจสอบกล่องจดหมายที่บ้านของตัวเอง ทั้งในต่างจังหวัด และใน กทม. เผื่อได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. แต่หลังจากได้รับการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ก็อาจจะขอขยายเวลาชี้แจง ป.ป.ช.ชุดใหญ่ และยังไม่นับที่แต่ละคนจะเพิ่มพยาน รวมกระบวนการทั้งหมด ซึ่งมีกรอบดำเนินการอีก 1 ปี กว่าจะถึงศาลฎีกาตัดสิน คิดว่าใช้เวลาไม่ต่ำกว่าปีครึ่ง”

นพ.วาโยคิดในแง่ดีว่า 44 สส.ก้าวไกลที่เกือบทั้งหมดย้ายมาอยู่พรรคประชาชนขณะนี้จะไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทุกคน เพราะพฤติการณ์ของ สส.แต่ละคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็แตกต่างกันออกไป ไม่ได้ “แหลม” กันทุกคน

ส่วนคดี 44 สส.จะเป็น “จุดเปลี่ยน” ของพรรคประชาชนหรือไม่นั้น คิดว่าไม่ เพราะพรรคใหญ่กว่าตัวคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค ผมและเพื่อนเป็นแค่ฟันเฟืองตัวหนึ่งเท่านั้น แม้จะถูกตัดสิทธิ แต่อุดมการณ์ยังเดินหน้า งานการเมืองก็ยังขับเคลื่อนต่อไป