
แพทองธารมอบนโยบายข้าราชการทำงบฯ 69 กำชับ 3 ประเด็น ย้ำใช้ตรงเป้า เน้นลงทุน กำชับขอขึ้นเงินเท่าที่จำเป็น ไม่เพิ่มรายจ่ายประจำ-เผยเจอแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเป็นผู้นำขอบริจาค จี้ดีอีสางปัญหา-ย้ำต้องปรับโครงสร้างค่าไฟให้ถูกลง
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 และหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงาน ว่าวันนี้เราทราบดีประเทศเจอเรื่องท้าทายมากมาย ประชาชนเดือดร้อนทุกมิติ ซึ่งรัฐบาลก็อยากแก้ไข ดังนั้น การจัดทำงบประมาณปี’69 ที่มีอยู่อย่างจำกัดต้องมาพูดคุยว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ใช้จ่ายมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด
นายกรัฐมนตรีระบุว่า ขอตั้งเป้าหมายการจัดทำงบฯ 69 ให้ใช้งบฯ อย่างแม่นยำ และมีการเติบโตทางประสิทธิผลตรงเป้าหมายมากขึ้น ประกอบด้วย 1.ไม่ลดสัดส่วนงบฯ ลงทุน เพื่อสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง 2.ไม่เพิ่มงบฯ ดำเนินงานและงบประมาณ แต่เน้นเพิ่มประสิทธิผล 3.ไม่เพิ่มอัตรากำลัง โดยพัฒนาบุคลากรที่มีอยู่ให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้นไปพร้อมกับดูแลสวัสดิการอย่างทั่วถึง รวมถึงสร้างโอกาสให้ประชาชนเพื่อกระจายความเท่าเทียมและสวัสดิการต่าง ๆ ให้เข้าถึงทุกพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเร่งด่วนให้ประเทศไทย
ส่วนความท้าทายที่ไทยเจอวันนี้ คือภัยธรรมชาติเป็นสิ่งที่ทั่วโลกเจอ อาทิ โลกร้อน ดินโคลนถล่ม ทำให้เราต้องเตรียมพร้อมรับมือ
นายกฯ ยังกล่าวถึงใช่งบประมาณต่อนโยบายรัฐบาล ว่าเราต้องวางแผนและโฟกัสให้ดี อาทิ การแก้หนี้ครัวเรือนทั้งระบบ รัฐบาลพยายามทำให้เป็นรูปธรรม โดยมีหลายโครงการออกมา อาทิ คุณสู้เราช่วย ซอฟต์โลน และโครงการดิทัลวอลเลต เพื่อวางรากฐานให้ประเทศเข้าสู่ยุคดิจิทัล
ส่วนการท่องเที่ยว นายกฯ ย้ำว่าภายในปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวน่าจะกลับมาเหมือนก่อนช่วงโควิดแน่นอน เพราะจากที่ได้รับรายงานล่าสุดตั้งแต่ 1-13 ม.ค.ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยว 1.3 ล้านคนแล้ว ซึ่งเป็นผลจากหลายนโยบาย อาทิ ฟรีวีซ่า ฉะนั้น การเดินหลังจากนี้เป้าหมายเพื่อนำไปสู่การสร้างรายได้ท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 3.5 ล้านล้านบาท
นายกฯ ยังกล่าวถึงนโยบายต่างประเทศว่า ต้องสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ดียิ่งขึ้น สัปดาห์หน้าตนจะไปประชุม WEF ที่สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อให้รู้เทรนด์ของโลก พร้อมย้ำจุดยืนของไทยว่าประสิทธิภาพพร้อมรับการลงทุนแล้ว
ส่วนเรื่องการพัฒนาภาคเกษตร ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย โดยรัฐบาลอยากให้นำอาหารไทยขึ้นไปบนเวทีโลก เพื่อให้เม็ดเงินกลับเข้ามาสู่กระเป๋าของเกษตรกรไทย
ช่วงหนึ่ง น.ส.แพทองธารกล่าวถึงเรื่องพลังงาน ว่าเป็นภาระหนักของประชาชน ซึ่งมีความจำเป็นที่เราต้องปรับโครงสร้างพลังงานและค่าไฟให้ถูกลง พร้อมทั้งปรับปรุงข้อกำหนดสัญญาซื้อขายพลังงานไปพร้อมกับการพัฒนาพลังงานสีเขียว
ส่วนเรื่องที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย นายกฯ ระบุว่าวันที่ 17 ม.ค. จะมีการเปิดโครงการบ้านเพื่อคนไทย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันในการทำงานต่อ เพราะคนไทยก็ควรมีเกียรติมีศักดิ์ศรีในการมีที่อยู่ของตัวเอง
ขณะที่ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ นายกฯ ระบุว่าขอแชร์ประสบการณ์เป็นที่แรกว่า ตนแม้เป็นนายกรัฐมนตรีก็เจอคอลเซ็นเตอร์เช่นเดียวกัน โดยมีการมาหลอกว่าเป็นผู้นำบางประเทศเพื่อพยายามจะให้บริจาค ดังนั้น อยากขอเตือนภัยประชาชน และขณะนี้กระทรวงดิจิทัลฯ กำลังดำเนินการแก้ปัญหาอยู่
ส่วนเรื่องความมั่นคง เราต้องมีความมั่นคงทางทหารและนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ พร้อมกับเรื่องเปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการเปลี่ยนกฎระเบียบเพื่อเอื้อต่อการลงทุนว่า เป็นระเบียบที่ไม่ได้ถูกทบทวนมานาน 20-30 ปี กฎหมายบางเรื่องยังคงเป็นแบบเดิม ซึ่งแต่ละกระทรวงกำลังทบทวน ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้คนที่เข้ามาลงทุนรู้สึกสะดวก คล่องตัว และลดขั้นตอน
นายกฯ กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณ 69 ในกรอบวงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท ขอให้ทุกหน่วยพิจารณาปรับขึ้นเท่าที่จำเป็น และพยายามไม่สร้างรายจ่ายประจำให้เพิ่มขึ้น เพราะจะเป็นคอร์สสะสมทุก ๆ ปี ซึ่งปรับเปลี่ยนยาก และขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันใช้งบประมาณให้คุ้มค่าที่สุด เกิดประโยชน์ทุกบาททุกสตางค์กับประชาชนจริง ๆ
ทั้งนี้ หวังว่าข้าราชการทุกคนจะช่วยเปลี่ยนแปลงงบประมาณที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเราต้องทำให้ประชาชนเชื่อว่าข้าราชการเกือบ 2 ล้านคน สามารถดูแลประชาชนกว่า 66 ล้านคนได้อย่างปลอดภัย โดยใช้งบประมาณคุ้มค่า เพราะวันนี้ต้องปรับตัวเพื่อเข้าสู่โลกที่ปรับตัวเร็ว
ช่วงท้าย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ปี 2568 อาจจะต้องทำงานกันมากหน่อย เพื่อผลักดันทุกอย่างให้เกิดกับประโยชน์กับประเทศชาติที่เรารัก เกิดประโยชน์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เรารัก และประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน