
ปกรณ์ชี้ไม่มีงบฯ ปกติจ่ายเยียวยา ‘ที่ดินอัลไพน์‘ เชื่อ มท.-สำนักงบฯ จะหาทางแก้ได้ ชี้ช่องออก พ.ร.บ.ได้ ทำบ่อยแต่ไม่เป็นข่าว
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคำวินิจฉัยการเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่มีตั้งแต่ปี 2544 โดยหลักของคำวินิจฉัย คือที่ดินที่ได้มาโดยมรดกต้องทำตามที่เจ้าของมรดกกำหนด เมื่อต้องการให้ตกแก่วัดก็ต้องตกแก่วัด ซึ่งการเพิกถอนที่ดินให้เป็นที่ธรณีสงฆ์เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายนั้น
นายปกรณ์กล่าวว่า ขั้นตอนจากนี้ขอให้ไปถามกระทรวงมหาดไทย ว่าจะหาทางแก้ไขเยียวยาให้ประชาชนที่เกี่ยวข้องหรือผู้ได้รับผลกระทบอย่างไร ขณะเดียวกัน ก็ต้องตรวจสอบว่ามีการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอะไรหรือไม่
เพราะจริง ๆ แล้วเราต้องเสียเงินชดเชยให้ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ได้มาโดยทุจริต ก็ต้องไปดูว่าคำสั่งทางปกครองออกมาและถูกยกเลิกไปนั้นชอบหรือไม่ และประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบ
เมื่อถามว่างบประมาณที่จะนำมาเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบคือส่วนใดนั้น นายปกรณ์กล่าวว่ายังไม่ทราบจะนำมาจากส่วนใด แต่หากจำเป็นต้องแก้ไขเยียวยา ก็ของบประมาณจากรัฐบาลได้
เมื่อถามย้ำว่า สามารถใช้งบฯ ปกติ ไม่จำเป็นต้องของบฯ กลางจากรัฐบาลใช่หรือไม่ นายปกรณ์ระบุว่างบฯ ปกติน่าจะไม่มี เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งงบฯ ไว้ เพราะไม่มีใครคิดว่าจะเกิด ซึ่งตนเข้าใจว่าอย่างนั้น จึงต้องหารือกับสำนักงบประมาณว่ามีแหล่งเงินจากที่ใดบ้าง พร้อมกับกล่าวว่า แม้วงเงินในการเยียวยาจะสูง แต่ตนคิดว่ามีหลายวิธีที่จะแก้ไข แต่ต้องรอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและอธิบดีกรมที่ดินว่าจะหาทางแก้อย่างไร
เมื่อถามว่า ความเห็นของกฤษฎีกาเมื่อปี 2545 ที่เสนอให้ออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนเป็นที่ดินเอกชนสามารถทำได้หรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า การโอนที่ดินซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ต้องตามเป็นพระราชบัญญัติและตามกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไร ก็แล้วแต่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยว่าจะพิจารณาว่าทางใดเหมาะสมหรือสมควร ควรถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เมื่อถามว่า การออก พ.ร.บ.ที่ดินจะยากกว่าการจ่ายเงินชดเชยหรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่าไม่ได้ยากอะไร พ.ร.บ.โอนที่ธรณีสงฆ์ทำกันบ่อย ๆ อยู่แล้วเพียงแต่ไม่เป็นข่าว