4 กฎเหล็กรัฐธรรมนูญ กับดัก ประชานิยมเพื่อไทย

ประชานิยม เพื่อไทย
คอลัมน์ : Politics policy people forum

หลายนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ถูกกล่าวผ่านอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร บนเวทีหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.)

หลายนโยบายเหล่านั้นถูกรัฐบาลแพทองธาร นำไปสานต่อ ขณะที่หลายนโยบายของรัฐบาล ก็มี “ทักษิณ” นำไปอธิบายต่อให้โหวตเตอร์ “เข้าใจง่าย”

ตัวอย่างเช่น นโยบายแจกเงิน 10,000 บาทให้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งจะมีการ “กดปุ่ม” วันที่ 27 มกราคมนี้ เป็นเฟสที่ 2 ต่อจากการแจกเงินเฟสแรกให้กับกลุ่มเปราะบาง 10,000 บาท ในเดือนตุลาคม 2567

นโยบายบ้านเพื่อคนไทย ที่ใช้ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย สร้างบ้าน-คอนโดฯ ให้ First Jobber และคนวัยทำงาน ผ่อน 4 พันบาทต่อเดือน ซึ่ง “ทักษิณ” ระบุว่า จะเพิ่ม 1 ล้านยูนิต หลังได้กระแสการตอบรับเป็นอย่างดี

รวมถึงนโยบายอันร้อนแรง อย่างนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ “ทักษิณ” ระบุว่า จะทำเหมือนลาสเวกัส ของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย โรงแรมเป็น 1,000 ห้อง มีคอนเสิร์ต มีสนามกีฬา มีหอประชุม มีการจัดงานสารพัด อยากมีสวนน้ำ และมีบางคนจะเสนอแม้กระทั่งจะสร้างที่เล่นสกี สร้างหิมะเทียมให้เล่นสกีได้ และพื้นที่ไม่ถึง 10% จะเป็นพื้นที่กาสิโนเหมือนสิงคโปร์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้เงินมาเที่ยว แต่ละแห่งจะมีการจ้างงาน 20,000 คน และเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท

4 กฎเหล็ก คุมนโยบายรัฐ

อย่างไรก็ตาม หลายนโยบายเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาล ต้องเดินไปด้วยความระมัดระวัง เพราะ “กติกา” ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 เปรียบเหมือน “กับดัก” หากเดินสุ่มสี่สุ่มห้า เดินเกมพลาดตาเดียวอาจแพ้ทั้งกระดาน

ADVERTISMENT

เพราะนโยบายของรัฐบาลต้องอยู่ภายใต้ “กรอบ” ที่กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญมาตรา 164 ที่ระบุว่า ในการบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีต้องดําเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ด้วย

1.ปฏิบัติหน้าที่และใช้อํานาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ เปิดเผย และมีความรอบคอบ และระมัดระวังในการดําเนินกิจการต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม

ADVERTISMENT

2.รักษาวินัยในกิจการที่เกี่ยวกับเงินแผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐอย่างเคร่งครัด

3.ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

4.สร้างเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุก และสามัคคีปรองดองกัน

ล้อมกรอบอำนาจ ครม.

ขณะที่ในเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ของมาตรา 164 ระบุว่า บทบัญญัติแห่งมาตรานี้เป็นบทบัญญัติใหม่เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีให้ชัดเจน เนื่องจากในรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ได้กำหนดหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีไว้แต่เพียงว่า มีหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขใดไว้ เพราะถือว่า คณะรัฐมนตรีเป็นองค์กรสูงสุดในการบริหารราชการแผ่นดิน การใด ๆ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติมักจะทำให้เข้าใจว่า มีผลใช้บังคับได้เสมอ

ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งศาลปกครองขึ้น การตรวจสอบการใช้อำนาจของคณะรัฐมนตรีจึงมีมากขึ้น เป็นการสมควรที่จะกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ให้ชัดเจนว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีจะต้องดำเนินการในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขอย่างไร จึงได้มีการบัญญัติมาตรานี้ขึ้น

โดยได้วางหลักว่าคณะรัฐมนตรีจะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่บัญญัติไว้ในอนุมาตรา (1)-(4)

ระวังติดกับดัก “ครอบงำ”

ขณะเดียวกัน ยังมี “เงื่อนปม” ที่อาจถูกใช้เป็น “คดีการเมือง” เล่นงานกลับไปที่พรรคเพื่อไทย เพราะในรัฐธรรมนูญได้ระบุเรื่อง “การห้ามครอบงำ-ชี้นำ” พรรคไว้ในมาตรา 45 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการร่วมกันจัดตั้งพรรคการเมืองตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามที่กฎหมายบัญญัติ

กฎหมายตามวรรคหนึ่งอย่างน้อยต้องมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการบริหารพรรคการเมือง ซึ่งต้องกำหนดให้เป็นไปโดยเปิดเผยและตรวจสอบได้ เปิดโอกาสให้สมาชิกมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในการกำหนดนโยบายและการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง และกำหนดมาตรการให้สามารถดำเนินการโดยอิสระไม่ถูกครอบงำ หรือชี้นำโดยบุคคลซึ่งมิได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองนั้น รวมทั้งมาตรการกำกับดูแลมิให้สมาชิกของพรรคการเมืองกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง

ขณะที่ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ได้กำหนดข้อห้ามที่ต่อเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญไว้ในมาตรา 28

“ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม”

โยงมาถึงมาตรา 92 (3) ของกฎหมายฉบับเดียวกัน ระบุว่า เมื่อ กกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทําการตามมาตรา 28 คือ ให้พรรคการเมืองยินยอมให้บุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคครอบงำ ชี้นำไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม ให้ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค

ขณะที่มาตรา 29 ห้ามไม่ให้ “ผู้ใด” ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรง หรือโดยทางอ้อม

โดยจะมีโทษอาญา มาตรา 108 ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น

ซึ่งการครอบงำ มีคดีค้างอยู่ในการพิจารณาของชั้นอนุกรรมการไต่สวน ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ก่อนหน้านี้ ในยุครัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน รัฐบาลเพื่อไทย เคยต้องกลับไป-กลับมา ในการดำเนินนโยบายเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเลตอยู่หลายตลบ เพราะติดปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย แหล่งที่มาของเงิน ผูกโยงกับเรื่อง “วินัยการเงินการคลัง”

ครั้น แจกเงินหมื่นเฟส 2 ต้องถูกตีกลับ จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพราะปัญหาเรื่องชื่อ และหลักการของโครงการไปใช้หลักการเดียวกับดิจิทัลวอลเลต จนกระทรวงการคลังต้องไปทำเอกสารเข้า ครม.มาใหม่อีกรอบ เพราะถือว่าเป็นโครงการใหม่

เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก็ถูกทักท้วงจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ในการร่างกฎหมายที่จะมาขับเคลื่อน

หลายนโยบายยังต้องหาคำตอบเรื่อง “ความคุ้มค่า” เพื่อไม่ให้ผิดรัฐธรรมนูญ

พรรคเพื่อไทย ในอดีตไม่เคยพลาดให้กับกระบวนการการเลือกตั้ง แต่พ่ายให้กับกลเกมกฎหมาย

ถึงตอนนี้หากไม่ระวังให้ดีอาจติดกับดัก ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง เมื่อดุลอำนาจองค์กรอิสระ ไม่ได้อยู่ในมือ