วราวุธชี้ ‘เอ็นฯคอมเพล็กซ์’ ต้องมีกติกา หลังจุลพันธ์แย้มกาสิโนอาจไม่กำหนดในกฎหมาย

วราวุธ ศิลปอาชา
วราวุธ ศิลปอาชา

ชทพ. ชี้ต้องมีกติกา ‘เอ็นฯคอมเพล็กซ์’ หลังจุลพันธ์แย้มกาสิโนอาจไม่ตราสัดส่วนในกฎหมาย เชื่อ พท.คิดถี่ถ้วนแล้วต้องทำประชามติหรือไม่

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณีที่ขณะนี้มีเสียงคัดค้านต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มากขึ้นเรื่อย ๆ มีความเป็นห่วงอย่างไรบ้าง ว่าตนเคยให้แนวทางไปแล้ว สัปดาห์ก่อนกระทรวง พม.นำเสนอข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องนี้ไป พร้อมยืนยันเหมือนเดิมว่ามีทั้งแง่ดีและด้อย

ในแง่ดี ตนเชื่อว่าทุกคนคงทราบดี แต่ประเด็นที่เป็นห่วง คือเรื่องการค้ามนุษย์ รวมถึงการค้าประเวณี และการสร้างลักษณะนิสัยที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ซึ่งต้องมีมาตรการ ทั้งการประชาสัมพันธ์ การดูแลอย่างใกล้ชิด การบังคับใช้กฎระเบียบอย่างเข้มงวด

ขณะเดียวกัน ก็เป็นช่องทางที่จะสามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มคนที่กระทรวง พม.ดูแลอยู่ได้ ทั้งผู้สูงอายุ และคนพิการ การมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในลักษณะนี้ หรือการจ้างงานผู้สูงอายุ พี่น้องคนพิการสามารถทำได้ โดยไม่เป็นอุปสรรคกับอาชีพ ตนคิดว่าจะเป็นการสร้างเศรษฐกิจในชุมชนให้กับคนกลุ่มนี้ ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะยังไม่ได้รับการจ้างงานเท่าที่ควร จึงเป็นประเด็นที่พรรคและกระทรวง พม.ได้นำเสนอ

เมื่อถามถึงกรณีนี้ที่เป็นเรื่องใหม่มากในสังคม จนมีการเสนอทำประชามตินั้น หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนามองว่า พรรคเพื่อไทยคงได้พิจารณามาถี่ถ้วนแล้วในการทำนโยบายนี้ออกมา ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหลายฝ่าย ก็ยังมีการบ้านที่ต้องทำเพิ่มเติม ตนเชื่อมั่นว่าแต่ละประเด็นที่ประชาชนกังวล คงจะได้รับการตอบรับ และนำไปแก้ปัญหา เพื่อให้มาตรฐานต่าง ๆ มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น

เมื่อถามถึงกรณีที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อาจไม่ได้กำหนดสัดส่วนกาสิโนไว้ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตัวมองว่าควรจะกำหนดหรือไม่ นายวราวุธระบุว่าตนยังไม่ได้รับข้อมูลจึงยังไม่สามารถตอบได้ทันที

ADVERTISMENT

เมื่อถามย้ำว่าควรกำหนดเปอร์เซ็นต์สัดส่วนกาสิโนหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า การจะทำอะไรทุกอย่างในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ต้องมีกติกา ซึ่งตนไม่แน่ใจว่ากติกานี้ใครจะเป็นคนกำหนด คณะรัฐมนตรี หรือคณะกรรมการกำกับนโยบาย ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรี พม.ก็อยู่ในคณะกรรมการนั้นด้วย คงต้องไปว่ากันในชั้นนั้นอีกครั้ง