นายกฯ จี้ราชการเร่งเบิกจ่ายงบฯ หลังตัวเลขยังต่ำ 18% หวังเกิดพลังกระตุ้นเศรษฐกิจ

แพทองธาร ชินวัตร

นายกฯ กำชับหัวหน้าส่วนราชการเร่งเบิกจ่ายงบฯ หลังตัวเลขยังต่ำแค่ 18% หวังให้เกิดพลังการกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวม ย้ำการขอรับงบฯ 69 ต้องคุ้มค่าเกิดประโยชน์ต่อ ปชช.

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง หรือเทียบเท่าครั้งแรกของปี’68 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวกับหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ว่าเป็นโอกาสดีที่ได้เริ่มและทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น เพื่อผลักดันนโยบายต่าง ๆ ให้ประชาชน เพราะหากมีอุปสรรคหรืออะไรที่สนับสนุนกันได้ก็สามารถคุยกันนอกรอบได้ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากให้เกิดการทำงานแบบไม่มีกำแพง จะได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายกฯ กล่าวอีกว่า วันที่มอบนโยบายไว้ วันนี้จะมาขอทบทวนและเร่งติดตาม การประชุมครั้งที่แล้วเรื่องการเบิกจ่ายงบฯ ลงทุน มีหลายกระทรวงได้ดำเนินการตามที่ได้บอกไว้อย่างเร่งด่วนและเกิดผล ต้องขอบคุณมาก โดยภาพรวมการเบิกจ่ายเพียงแค่ 18% เท่านั้น ตัวเลขยังต่ำอยู่ จึงขอให้เร่งเบิกจ่ายเพิ่มขึ้น และจะเป็นการสร้างโอกาสให้กับประเทศ

รวมถึงเมื่อ 2 วันก่อนเพิ่งมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 ก็จะได้พร้อมกัน และจะได้กระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมไปด้วยกัน ก็อยากให้เกิดพลังนี้ขึ้น

ADVERTISMENT

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า การประชุม ครม.วานนี้ (28 ม.ค.) แจ้งทุกกระทรวงที่กำกับดูแล หน่วยรับงบประมาณให้จัดการคำของบประมาณ การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน และช่วยลำดับความสำคัญว่าอะไรเร่งด่วนให้ทำก่อน อะไรที่รอได้ให้รอ เพราะในปี 2569 เรามีงบประมาณที่จำกัด อยากให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ

ADVERTISMENT

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ทุกคนเป็นส่วนสำคัญมากในการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญส่วนนี้ โดยเน้นย้ำ 3 เรื่อง คือ ปัญหาฝุ่น แม้รัฐบาลจะเตรียมการล่วงหน้าแล้วฝุ่นก็มาอยู่ดี มาเร็ว และมาเยอะในปีนี้ และกรอบของอาเชียนที่ตกลงกันไว้ ก็ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนให้ผลักดันนโยบายของตนเองให้เต็มที่ เพื่อให้เห็นผลอย่างแท้จริง จะทำให้เรื่องนี้แบ่งเบาอุปสรรคของประชาชนได้

นอกจากนี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน ขอให้ทุกกระทรวงดำเนินการกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ เช่น การพัฒนาความสัมพันธ์แบบพี่น้องของประเทศไทยกับมณฑลของจีน ที่เคยมีกว่า 40 คู่สัมพันธ์ เป็น 50 คู่สัมพันธ์ของทางกระทรวงมหาดไทย หรือรถไฟเชื่อมต่อระหว่างไทยกับ สปป.ลาว ของกระทรวงคมนาคม เป็นสิ่งที่จีนได้ร้องขอไปแล้ว และตนเองจะไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 ก.พ.นี้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะขอข้อมูลในส่วนนี้ไปเพื่อจะได้อัพเดตกับทางจีนด้วย

ขณะที่เรื่องความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นส่วนสำคัญในการจัดการไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด อาชญากรรมไซเบอร์ การให้สัญชาติกับกลุ่มชาติพันธุ์ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำให้เกิดเป็นรูปธรรม พร้อมยกตัวอย่างว่าเมื่อวานนี้ได้มีการแก้ พ.ร.ก.ไซเบอร์ไปแล้ว ก็เป็นประโยชน์กับประชาชน