
8 กระทรวงจะใช้มาตรการอะไรในการแก้ปัญหาระดับชาติอย่าง ‘ฝุ่น PM 2.5’ ที่ไทยกำลังเผชิญสถานการณ์ความย่ำแย่อยู่
สำหรับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทยยังคงย่ำแย่และมีแนวโน้มว่า ความรุนแรงจะทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ จากการเผชิญความหนาวเย็นนานกว่าปกติในปี2568 ที่เป็นสัญญาณของความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ประกอบกับฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มปริมาณมากขึ้นจากการควบคุมแหล่งกำเนิดไม่ได้ในช่วงแรก แต่หลังจากในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปริมาณฝุ่นมากขึ้นจนเด่นชัด และส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนอย่างหนัก ทำให้รัฐบาลได้มีการสั่งการกระทรวงต่าง ๆ ออกมาตรการจัดการเรื่องนี้
ประชาชาติธุรกิจ รวมมาตรการต่าง ๆ จาก 8 กระทรวงที่สั่งการในการจัดการลดปัญหาฝุ่น PM 2.5
คมนาคม จัดรถไฟฟ้า-รถเมล์ฟรี
กระทรวงคมนาคมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่ 25-31 มกราคม 2568 ให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้าฟรีทุกสาย รวมถึงรถขนส่ง ขสมก.ฟรี ได้แก่
- รถไฟฟ้า BTS (รถไฟฟ้าสายสีเขียว-รถไฟฟ้าสายสีทอง)
- รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน-สายสีม่วง
- รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง
- รถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู
- รถไฟฟ้าสายสีแดง
- รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ (AERA 1 CITY LINE)
ขยายเวลาหมดอายุ เที่ยวเดินทาง BTS ผู้โดยสารรถไฟฟ้า BTS ที่ซื้อแพ็กเกจเที่ยวเดินทาง จะได้รับขยายระยะเวลาการใช้คูปองเที่ยวเดินทาง โดยมีรายละเอียดดังนี้
- แพ็กเกจเที่ยวเดินทาง ตั้งแต่ 15 เที่ยว หรือมีอายุ 30 วันขึ้นไป ก่อนวันที่ 25 มกราคม 2568
ขยายระยะเวลาการใช้คูปองเที่ยวเดินทางถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568 - แพ็กเกจเที่ยวเดินทาง 10 เที่ยว / 7 วัน
ขยายระยะเวลาการใช้งานคูปองถึง 13 กุมภาพันธ์ 2568
ดีอี ส่งเสริมทำงานผ่าน e-Office
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ปรับเปลี่ยนระบบการให้บริการแบบไร้กระดาษ ทำให้มีการเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานผ่านระบบการบริหารจัดการสำนักงานโดยใช้ระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า e-Office ทำให้เกิดความสะดวกในการดูแลเอกสาร มีการทำงานอย่างเป็นระบบ โปร่งใส น่าเชื่อถือ และสามารถตรวจสอบได้
โดยการทำงานทุกขั้นตอนจะไม่มีการใช้กระดาษ ซึ่งปัจจุบันก็ได้มีการร่วมมือไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ให้หันมาใช้ระบบนี้ ประกอบกับสถานการณ์ PM 2.5 ที่เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็ก ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ดีอีจึงสนับสนุนมาตรการช่วยลดผลกระทบจากฝุ่นพิษด้วยการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานนอกพื้นที่ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้
นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ เปลี่ยนมาให้ระบบ e-Office ในการทำงาน ภายใต้งานบริการคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) ซึ่งเปิดให้หน่วยงานภาครัฐใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เกษตร หนุนห้ามเผา-ลดฝุ่นภาคการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้มาตรการบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ภาคการเกษตร จากปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อม โดยมีสาเหตุมาจากการเผาในพื้นที่การเกษตรทำให้เกิดควันจากการเผาแพร่กระจาย ส่งผลเสียต่อคุณภาพอากาศในวงกว้าง โดยมีรายละเอียดดังนี้
- วันที่ 17 มกราคม 2568 – 31 พฤษภาคม 2568 “ห้ามเผาในพื้นที่การเกษตรทุกกรณี”
- เกษตรกรที่มีประวัติการเผาในช่วงเวลาดังกล่าว จะไม่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการสนับสนุนหรือช่วยเหลือต่าง ๆ ของกระทรวงเกษตรฯ ทุกโครงการเป็นเวลา 2 ปี (ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2568 ถึง 31 พฤษภาคม 2570) ยกเว้นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร
- ให้หน่วยงานทุกหน่วยงานที่ดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกร กำหนดคุณสมบัติของเกษตรกรผู้เข้าร่วมว่า “ต้องไม่เป็นผู้ที่มีประวัติการเผาในพื้นที่การเกษตรตามประกาศนี้”
นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคนิคลดอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศผกผันด้วยการโปรยน้ำและโปรยน้ำแข็งแห้ง เพื่อเป็นการเจาะช่องบรรยากาศให้สามารถระบายฝุ่นละอองต่อไปได้ โดยแผนปฏิบัติการของกรมฝนหลวงฯ จะทำการบินทุกวันในช่วงเช้าตั้งแต่ 10.00 น. และช่วงบ่ายตั้งแต่เวลา 14.00 น. ใช้เวลาบินประมาณ 20 ถึง 30 นาที
ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำการบินในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ โดยจะบูรณาการร่วมกับ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ในการกำหนดชั้นความสูงและฃฃพื้นที่ในกรุงเทพชั้นในเพื่อทำปฏิบัติการลดฝุ่น
โดยพื้นที่กรุงเทพชั้นในจะจำกัดระดับความสูงไม่เกิน 3,000 ฟุต และหากจะทำการบินในพื้นที่ดังกล่าวได้จะต้องมีการประสานงานล่วงหน้า เพื่อให้เครื่องบินจากสนามบินมีการเปลี่ยนเส้นทางบินชั่วคราว ประมาณ 10 ถึง 20 นาที หลังจากนั้นจึงจะสามารถใช้เส้นทางบินได้ตามปกติ
สธ. ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ-สนับสนุนอุปกรณ์กันฝุ่น
กระทรวงสาธารณสุขสั่งการให้หน่วยงานสาธารณสุขทั่วประเทศเข้ม 5 มาตรการ ได้แก่
1. เตรียมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยเปิดศูนย์ปฏิบัติการฯ ในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแล้ว 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ลำพูน พิษณุโลก สุโขทัย นนทบุรี สระบุรี เพชรบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และประจวบคีรีขันธ์ ในสำนักงานเขตสุขภาพที่ 2 และ 4 รวมทั้งกรุงเทพมหานคร
2. เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกและสร้างความรอบรู้ภัยสุขภาพ โดยส่วนกลางเปิดศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ ฝุ่น PM2.5 เผยแพร่ความรู้สุขภาพเป็นประจำ รวมถึงสอบถามผ่านสายด่วนกรมอนามัย 1478 และสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
3. จัด ‘ทีมพิเศษฉุกเฉินสุขภาพดูแลกลุ่มเสี่ยง‘ ระดับจังหวัด 76 ทีม และระดับอำเภอ 878 ทีม ดูแลกลุ่มเสี่ยง 5 กลุ่ม รวม 178,773 ราย
4. จัดบริการด้านการแพทย์สาธารณสุขให้ครอบคลุม โดยเตรียมเสนอมาตรการ Work Form Home และงดกิจกรรมกลางแจ้งของประชาชน รวมทั้งจัดบริการคลินิกมลพิษ คลินิกมลพิษออนไลน์ เปิดระบบนัดหมายล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม จัดห้องปลอดฝุ่นในสถานบริการกระทรวงสาธารณสุข ศูนย์พัฒนาเด็กและโรงเรียน อาคารสำนักงาน และสถานประกอบการภาคเอกชน รวม 5,517 ห้องทั่วประเทศ
5. สนับสนุนอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่าง ๆ ได้แก่ หน้ากากอนามัยชนิดใช้แล้วทิ้ง 180,900 ชิ้น และหน้ากาก N95 จำนวน 1,096,700 ชิ้น
พาณิชย์ คุมสินค้ากันฝุ่น-นำเข้าสินค้าเกษตร
กระทรวงพาณิชย์ออกมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนที่มีความต้องการเลือกซื้อสินค้าในกลุ่มป้องกันฝุ่น PM 2.5 แม้จะไม่พบว่า มีสินค้าขาดแคลน หรือไม่เพียงพอต่อความต้องการ และราคาจำหน่ายยังอยู่ในภาวะปกติ
แต่หากพบเห็นการไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านราคาสินค้าหรือพบเห็นพฤติการณ์ที่ไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนได้ทางสายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569 หรือแอปพลิเคชัน LINE @MR.DIT หรือที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
นอกจากนี้ กรมการค้าต่างประเทศยังเชิญรัฐและเอกชนหารือคุมเข้มนำเข้าสินค้าเกษตร ลดปัญหา PM 2.5 ข้ามพรมแดน ชี้มี 2 แนวทางสำคัญในการดูแล พร้อมชงให้ นบขพ.พิจารณา เสนอออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ กำหนดให้ผู้นำเข้าข้าวโพดต้องแสดงเอกสารประกอบการนำเข้าอีกด้วย
ผู้บริหาร รร. สั่งปิดเรียนได้ หากจมฝุ่น
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (สพฐ.) ได้ให้อำนาจแก่ผู้บริหารโรงเรียน สามารถสั่งปิดเรียนได้ทันทีเป็นเวลา 7 วัน หรือจนกว่าสถานการณ์ฝุ่นจะคลี่คลาย แล้วปรับรูปแบบการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์หรือมอบหมายใบงาน ติดต่อกับครูทางออนไลน์แทน และเน้นย้ำผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขตให้กำกับ ติดตามการดำเนินการตามมาตรการอย่างใกล้ชิด
มหาดไทย คุมการเผาในพื้นที่
การกระทรวงมหาดไทยสั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานจังหวัดปฏิบัติตามข้อสั่งการอย่างเคร่งครัดและยกระดับมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ดังนี้
– ยกระดับการดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ทางการเกษตร ให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้มงวด และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม
– ใช้กลไกท้องถิ่นและท้องที่ โดยมอบหมายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ตลอดจนประชาชนจิตอาสา ให้ร่วมกันสอดส่อง ป้องปราม ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ
– ดำเนินการยับยั้งการเผาในทันทีและบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายในการห้ามเผาอย่างเด็ดขาด
– ยกระดับมาตรการลดผลกระทบต่อประชาชน โดยให้หน่วยงานด้านสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ออกหน่วยให้บริการประชาชน จัดหาอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) ห้องปลอดฝุ่น คลินิกมลพิษ ไว้บริการประชาชนอย่างเพียงพอและเหมาะสม
– ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับข้อปฏิบัติที่ถูกต้องในการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 ให้ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาหรือศูนย์เด็กเล็ก ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง ให้ดำเนินการตามข้อปฏิบัติดังกล่าวเพื่อลดผลกระทบ
อุตสาหกรรม คุมเข้มโรงงานน้ำตาล
กระทรวงอุตสาหกรรมใช้มาตรการคุมเข้มโรงงานผลิตน้ำตาล เพื่อป้องกันปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยดำเนินนโยบายให้โรงงานรับซื้อเฉพาะอ้อยสด ลดอ้อยไฟไหม้ นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือไปยังโรงงานผลิตน้ำตาลทุกโรงงานและชาวไร่อ้อยทุกคนให้ช่วยกันลดปริมาณการเผาอ้อยลงให้ได้ตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด