อนุทิน ยัน ตัดไฟเมียนมาต้องให้ ครม.รับทราบ มหาดไทยไม่รับเผือกร้อน

อนุทิน ชี้ ป.ป.ส.เคยตอบกลับ กฟภ. บริษัทคู่สัญญาไม่มีการกระทำผิดกฎหมาย การตัดไฟต้องมีข้อสั่งการจากนายกฯ-ครม. รับทราบ เพราะตอนขายให้เพื่อนบ้านก็มีมติ ครม.รองรับ มหาดไทย ไม่รับเผือกร้อน

ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินใจตัดไฟฟ้าให้กับประเทศเมียนมา เป็นเหมือนเผือกร้อนที่ถูกโยนมาให้มหาดไทย ว่า “ผมไม่รับอะไรทั้งนั้น กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ปฏิบัติ เราถูกสั่งให้ขายไฟให้กับประเทศเพื่อนบ้านด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม หากมีเหตุที่จะให้เราหยุดจ่ายไฟ ผู้ที่สั่งให้เราขายต้องแจ้งให้เราหยุด เราหยุดเองไม่ได้

มีหน้าที่แค่ส่งไฟข้ามไป แต่ไม่รู้ว่าเขาจะนำไปจ่ายให้กับผู้ใช้ประเภทใดบ้าง มันไม่ใช่หน้าที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แต่หากทางการเมียนมาแจ้งขอให้ตัดไฟจะเป็นเรื่องง่าย เพราะสามารถแจ้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อดำเนินการได้เลย หรือหากเป็นเรื่องเร่งด่วน ก็แจ้งให้นายกฯ มีข้อสั่งการโดยเร่งด่วน”

นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนของทางการไทย ผู้ที่จะมีอำนาจสั่งการต้องเป็นไปตามเอกสารข้อมูล เมื่อวันที่ 30 มกราคม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้ตอบจดหมายกลับมายัง กฟภ. แจ้งว่าได้ไปสำรวจแล้วว่าบริษัทที่รับซื้อไฟฟ้าจาก กฟภ. เพื่อจำหน่ายต่อยังชายแดนประเทศเมียนมา ไม่มีการกระทำใด ๆ ที่ผิดกฎหมาย

คณะกรรมการบริหารของบริษัทไม่มีประวัติ ไม่พบการกระทำผิดทางกฎหมายใดในอำนาจหน้าที่ที่ ป.ป.ส.จะเข้าไปตรวจสอบได้ จึงถามว่า กฟภ. จะเอาอำนาจตรงไหนไปตัดไฟ แต่หากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีหนังสือตอบกลับมาว่าพบว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงเห็นสมควรให้หยุดตัดไฟ กฟภ. จะทำเรื่องมาถึงตนเพื่อส่งเรื่องไปถึงนายกฯ เพื่อให้พิจารณาสั่งการ ซึ่งต้องมีการพิสูจน์และยืนยัน

“การดำเนินการสามารถทำได้ทันทีหากมีการพิสูจน์แล้ว เพราะการขายไฟให้ประเทศเพื่อนบ้านมีมติ ครม.รองรับ หากจะหยุดจ่ายไฟก็ต้องนำเข้า ครม. เมื่อที่ประชุมรับทราบก็สามารถตัดไฟได้ทันที” นายอนุทิน กล่าว

ADVERTISMENT

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า การจะทำอย่างที่กล่าวมาได้ต้องไปถึงจุดนั้นก่อน คนที่บอกว่ามีการนำไฟฟ้าไปใช้ในการสแกม หลอกหลวง คอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติด ตอนนี้มีแต่ข้อมูลทางวาจา ยังไม่มีการพิสูจน์ ไม่รู้ว่าทำตรงไหน หากไปตัดไฟโรงเรียน โรงพยาบาล หมู่บ้าน วัด ก็จะไม่มีไฟใช้ทั้งหมด หากทำแล้วเป็นไปตามสัญญาหรือไม่ อาจถูกฟ้องกลับมาได้

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเคยหยุดจ่ายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านประมาณ 2-3 จุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ กฟภ.สามารถพิจารณาได้เอง ไม่ต้องรายงาน รมว.มหาดไทย การที่มาพูดว่า รมว.มหาดไทยสามารถสั่งตัดไฟได้เลย ต้องเข้าใจว่า กฟภ. เป็นรัฐวิสาหกิจ มีบอร์ดและคณะกรรมการบริหาร ตนสั่งการได้แต่เชิงนโยบาย

ADVERTISMENT

การตัดการจ่ายไฟฟ้าให้ประเทศเมียนมา จะเกิดขึ้นได้ต้องมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น ทางการเมียนมายืนยันว่าทั้งหมู่บ้านเป็นบัญชีรวมความจริงแล้วเป็นการผลิตอาวุธเถื่อน ยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถแจ้งมายังรัฐไทย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยสามารถดำเนินการได้เลย ทุกอย่างมีขั้นตอน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีหน้าที่จ่ายไฟให้กับรัฐไทยเท่านั้น ไม่ใช่การข้ามรัฐ แต่ครั้งนี้เป็นภารกิจด้านมนุษยธรรม จากคำสั่งของหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทรวงมหาดไทยไม่มีความกดดัน เราแค่ทำตามคำสั่ง ถ้ามีคำสั่งให้เลิก เราก็เลิก

เมื่อถามถึงกรณีที่ทางการเมียนมาโหมข่าวไทยสนับสนุนไฟให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายอนุทิน ย้อนถามว่าจะโหมทำไม ทำไมไม่เขียนจดหมายมาถึงทางการไทยว่าไม่จำเป็นต้องใช้ไฟจากไทยแล้ว ขอให้หยุดจ่ายไฟ เพราะไปทำให้เกิดความเดือดร้อนในประเทศของเขา ถ้าเป็นเช่นนี้จะยิ่งง่าย กระทรวงมหาดไทยสามารถถือหนังสือไปถึงนายกฯ ได้เอง เพราะเราก็ต้องรักษาสิทธิของเราด้วย

การจะยกเลิกต้องมีขั้นตอน ทั้งการแจ้งเตือนให้แก้ไข การพูดเอาสนุกจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่การดำเนินการต้องเป็นไปตามกฎหมาย หากทำผิดสัญญาเขาก็มีสิทธิที่จะฟ้อง มันน่าละอายหรือไม่ ถ้าถูกทางการเมียนมาฟ้อง นอกจากไม่ได้เงินค่าไฟยังต้องเสียค่าปรับอีก ทำไมไม่คิดให้รอบคอบ