เทียบภาพรวมเลือกตั้ง อบจ. 2568 VS ปี 2563 จัดวันเสาร์ส่งผลหรือไม่ ?

เลือกตั้ง อบจ.

เปรียบเทียบภาพรวมการเลือกตั้ง อบจ. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 กับการเลือกตั้ง อบจ. ในปี 2563 จำนวนผู้มาใช้สิทธิลดลง 4% ขณะที่เปอร์เซ็นต์บัตรเสีย-บัตรไม่เลือกผู้สมัครใดพุ่งสูงขึ้น ด้านเลขาธิการ กกต.แจง เลือกตั้งวันเสาร์ไม่มีผล

ผ่านพ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการเลือกตั้ง อบจ. ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา แต่สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ยังไม่จบลง ตั้งแต่ที่มีประกาศการจัดการเลือกตั้ง อบจ.ในวันเสาร์ ทำให้ประชาชนบางส่วนไม่พอใจ เนื่องด้วยสาเหตุส่วนตัว อาทิ การทำงาน การเดินทางไกล จึงไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิที่ภูมิลำเนาได้ ซึ่งเดิมทีการเลือกตั้งมักจะจัดวันอาทิตย์

นอกจากจะมีข้อสงสัยในการจัดการเลือกตั้งในวันเสาร์ และผลการเลือกตั้ง จะเป็นสิ่งที่ประชาชนคอยจับตาดู ภาพรวมการเลือกตั้งอย่างจำนวนผู้มาใช้สิทธิ หรือจำนวนบัตรดี-เสีย ก็เป็นที่ตั้งตารอชมเช่นเดียวกัน

การเลือกตั้ง อบจ.ในครั้งนี้ มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 27,991,587 คน มาใช้สิทธิ 16,362,185 คน คิดเป็น 58.45% ลดลงจากการเลือกตั้ง อบจ.ปี 2563 ประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ โดยแบ่งออกเป็นบัตรดี 14,272,694 ใบ คิดเป็น 87.23% ส่วนบัตรเสีย 931,290 ใบ คิดเป็น 5.69% และบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 1,158,201 ใบ คิดเป็น 7.08%

เลือกตั้ง อบจ. ปี 2563 ปี 2568
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิก 47,124,842 27,991,587
จำนวนผู้มาใช้สิทธิ 26,418,754 (56.06%) 16,362,185 (58.45%)
บัตรดี 23,131,324 (87.56%) 14,272,694 (87.23%)
บัตรเสีย 1,488,086 (5.63%) 931,290 (5.69%)
บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 1,799,344 (6.81%) 1,158,201 (7.08%)

 

(คิดเปอร์เซ็นต์จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งของปีนั้น ๆ)

ADVERTISMENT

เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลจากปี 2563 พบว่า จำนวนผู้มาใช้สิทธิในปี 2568 ลดลงจากปี 2563 ประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับจำนวนบัตรเสียและบัตรไม่เลือกผู้สมัครใดที่มีเปอร์เซ็นต์พุ่งสูงกว่าปี 2563 อย่างมีนัย

ขณะที่จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิก อบจ. และนายก อบจ. 47 มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่

ADVERTISMENT

1. ลำพูน คิดเป็น 73.43%

2. นครนายก คิดเป็น 73%

3. พัทลุง คิดเป็น 72.56%

4. นราธิวาส คิดเป็น 68.42%

5. มุกดาหาร คิดเป็น 68.03%

จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแค่สมาชิก อบจ. ใน 29 จังหวัด มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่

1. พะเยา คิดเป็น 61.68%

2. เลย คิดเป็น 58.04%

3. เพชรบุรี คิดเป็น 57.44%

4. ยโสธร คิดเป็น 56.72%

5. ชัยนาท คิดเป็น 56.63%

นายแสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงเกี่ยวกับจำนวนสรุปภาพรวมการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่า จากข้อมูลที่เห็นว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิน้อย และไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ตนเคยชี้แจงว่ามีข้อจำกัดที่ข้อกฎหมายที่ต้องเลือกภายใน 45 วัน

ดังนั้นแล้วที่เราได้ตัดสินใจเลือกตั้งในวันเสาร์นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ทั้งการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันเสาร์ไม่ได้กระทบต่อการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม เพราะผู้สมัครทุกคนแข่งขันอย่างเท่าเทียมภายใต้กติกาเดียวกัน

ขณะเดียวกันจำนวนบัตรเสียที่มีจำนวนน้อยกว่าปี 2563 แต่จำนวนเปอร์เซ็นต์สูงขึ้นเมื่อคิดจากภาพรวมของปี 2568 มีสาเหตุมาจาก ตัวระบบเองที่ทำให้มีเบอร์ของผู้สมัครนายก อบจ. กับสมาชิก อบจ. ที่ส่งในนามพรรค อาจทำให้มีจำนวนผู้สมัครไม่เท่ากัน เพราะบางจังหวัดเลือกตั้งเฉพาะสมาชิก อบจ. บางจังหวัดก็เลือกตั้งทั้ง 2 ประเภท ทำให้ประชาชนอาจสับสน ลงคะแนนในช่องที่ไม่มีผู้สมัคร

ขณะเดียวกันยังมีการแบ่งเขตใหม่จึงทำให้ประชาชนสับสน ส่วนที่ตั้งใจทำให้เป็นบัตรเสียนั้นมีส่วนน้อย สำหรับบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใครมีจำนวนมาก ทาง กกต.คงไปตอบแทนประชาชนไม่ได้ แต่ช่องนี้น่าจะเป็นการแสดงความรู้สึกของประชาชนต่อผู้สมัครในเขตนั้น ๆ

นอกจากนั้นในครั้งนี้มีสมาชิก อบจ.ไม่ผ่านเกณฑ์คะแนนตามที่กฎหมายกำหนด 3 เขต คือได้คะแนนเสียงไม่มากกว่าคะแนนที่ไม่เลือกผู้ใด ประกอบด้วย

  • เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
  • เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง
  • เขตเลือกตั้งที่ 4 อำเภอสวี จังหวัดชุมพร
  • เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท (ไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากผู้สมัครถูกตัดสิทธิไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง)

โดยผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั้ง 4 จังหวัด จะต้องประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 7 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง และดำเนินการรับสมัครใหม่ในเขตเลือกตั้ง และกำหนดวันเลือกตั้งไม่เกิน 45 วัน นับแต่วันที่ประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่

นอกจากนี้ยังพบว่า มี 4-5 จังหวัดที่พบจำนวนบัตรกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิจำนวนไม่ตรงกัน ซึ่งตรงนี้ทางจังหวัดต้องพิจารณาและเสนอมาที่ กกต.ว่าสมควรจะให้มีนับคะแนนใหม่ หรือลงคะแนนเลือกตั้งใหม่