อนุทิน ไม่ห่วงถูกฟ้องตัดไฟเมียนมา เหตุกระทบความมั่นคง เสียรายได้ 600 ล้านต่อปี

อนุทิน ชาญวีรกูล

มท 1 ตัดไฟ 5 จุดชายแดนไทย-เมียนมาตามมติ สมช. ไม่หวั่นโดนคู่สัญญาฟ้อง เสียรายได้ 600 ล้านบาทต่อปี แต่คุ้มเพราะรักษาผลประโยชน์ประชาชน

ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสำนักงานใหญ่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ได้กดปุ่มตัดไฟฟ้า 5 จุด ที่พบข้อมูลว่ามีการนำไฟฟ้าไปใช้ไม่เป็นไปตามสัญญา ส่งผลกระทบต่อความเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และนายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคร่วมเป็นสักขีพยาน

ทั้งนี้ การตัดไฟทั้ง 5 จุดเป็นระบบสั่งการอัตโนมัติควบคุมระยะไกล ซึ่งทันทีที่กดปิดระบบ แผงวงจรที่แสดงบนหน้าจอปุ่มจ่ายไฟจากสีแดงจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว และจำนวนวัตต์ที่จ่ายไฟจะเปลี่ยนเป็น 0 แอมป์ทันที

โดยทยอยตัดทีละจุด เริ่มที่จุดแรกในเวลา 09.00 น. กฟภ.ได้เริ่มตัดไฟ เริ่มจากจุด 1.จุดซื้อขายบริเวณบ้านพระเจดีย์สามองค์-เมืองพญาตองซู รัฐมอญ 2.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-พม่า-เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน 3.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านเหมืองแดง-เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน 4.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2-เมืองเมียวดี และจุดที่ 5 จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านห้วยม่วง-เมืองเมียวดี ซึ่งจุดสุดท้ายนายอนุทินได้เดินทางมากดสวิตช์ปิดกระแสไฟฟ้าด้วยตัวเองในเวลา 09.34 น. รวมการตัดกระแสไฟฟ้าทั้งห้าจุด รวม 20.37 เมกะวัตต์

นายอนุทินกล่าวภายหลังตัดกระแสไฟว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ตัดกระแสไฟฟ้าไปยังประเทศรับซื้อไฟฟ้าทั้ง 5 จุด ตามมติของที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ได้มีการประชุมไปเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้ลงนามและมีหนังสือสั่งการมายัง กฟภ.ให้ดำเนินการตัดกระแสไฟฟ้าตามกำหนดเวลา 09.00 น. ซึ่งเราเป็นผู้ปฏิบัติ เมื่อมีข้อสั่งการที่ถูกต้องชอบด้วยกฎหมายก็สามารถดำเนินการได้ทันที

ADVERTISMENT

ซึ่งก่อนหน้านี้มีการตั้งคำถามว่า ทำไมกระทรวงมหาดไทยไม่ตัดกระแสไฟฟ้า ก็ต้องบอกว่ามันอยู่นอกเหนืออำนาจ แต่เมื่อ สมช.มีการประชุมและมีมติออกหนังสือคำสั่งออกมา เราก็ดำเนินการทันที ตามที่ตนและปลัดกระทรวงมหาดไทยเคยบอกไว้ว่าบทบาทหน้าที่ของเราเป็นอย่างไร เท่ากับว่าตอนนี้กระแสไฟฟ้าที่ถูกส่งจากไทยไปประเทศเมียนมาได้ยุติลงแล้ว

นายอนุทินกล่าวว่า การอนุญาตให้ขายไฟฟ้าไปประเทศเพื่อนบ้านเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ดังนั้น การจะตัดกระแสไฟฟ้าก็ควรรายงานไปยังคณะรัฐมนตรี แม้ว่าเรื่องนี้จะดำเนินการไปแล้วตามมติ สมช. ก็ยังต้องเสนอแจ้งให้นายกฯ รับทราบ ส่วนจะมีการเสนอให้ ครม.รับทราบหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของท่าน เพราะเรื่องนี้ยังมีมติที่ต่อเนื่องเพิ่มอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือให้กระทรวงมหาดไทยและการไฟฟ้าศึกษามติ ครม.ที่อนุญาตให้ขายไฟฟ้า เพื่อทบทวนและปรับปรุงแก้ไขเกี่ยวกับเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ซึ่งในอดีตยังไม่มี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และนำเสนอให้ครม.พิจารณา

ADVERTISMENT

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เคยมีมติ ครม.ให้สามารถตัดไฟไปก่อนหน้านี้แล้ว นายอนุทินกล่าวว่านายเศรษฐาไม่ได้สั่งให้ระงับ แต่สั่งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปติดตามประสานงานและสืบสวนสอบสวน ว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย จากการนำไฟฟ้าที่เราขายไปยังเมียนมาหรือเปล่า ถ้ามีขอให้ตัด ซึ่งในส่วนของ กฟภ. เมื่อได้มติ ครม.นั้น ก็ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่หากทางการเมียนมาติดต่อประสานขอซื้อไฟฟ้าใหม่ นายอนุทินกล่าวว่าก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ วันนี้รัฐบาลสั่งให้หยุดเพราะเมียนมานำกระแสไฟฟ้าไปใช้ที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อไทยด้วย เขาจึงต้องไปแก้ไขและต้องมีการเจรจาใหม่

เมื่อถามว่ารัฐบาลเมียนมาได้ร้องขอหรือไม่ เพราะมีชุมชนได้รับผลกระทบ นายอนุทินกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ที่ประสานงานและหารือกับเมียนมา

เมื่อถามว่าเกรงจะถูกคู่สัญญาฟ้องหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า กฟภ.ทำตามสัญญา เมื่อพบว่ามีผลกระทบต่อความมั่นคงทั้งทางด้านพลังงานและความมั่นคงของชาติ ก็สามารถหยุดการจ่ายไฟได้ตามเงื่อนไขสัญญา ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามสัญญาข้อที่ 14 ที่กำหนดว่า หากจ่ายไฟฟ้าไปแล้วเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงทางพลังงานและความมั่นคงของชาติ สามารถงดจ่ายไฟได้

เมื่อถามว่านายภูมิธรรมอ้างว่า กฟภ.มีอำนาจในการตัดไฟเองได้เลยนั้น นายอนุทินกล่าวว่า สำหรับตนมองว่าไม่ใช่ นี่ไม่ใช่การโยนกันไปโยนกันมา กระทรวงมหาดไทยไม่ได้ไปขอให้นายกฯและรองนายกฯ สั่งการ แต่เป็นไปตามขั้นตอน กฟภ.มีหน้าที่ในการจ่ายไฟ แต่ไม่ได้มีหน้าที่ในการประเมินว่ามีผลต่อความมั่นคงของประเทศ หรือความมั่นคงทางพลังงานหรือไม่

การตัดไฟฟ้าในครั้งนี้ตัดไฟฟ้าไปทั้งหมด 20 เมกะวัตต์ รายได้ประมาณ 50 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 600 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเมื่อเทียบกับรายได้การขายไฟทั้งหมดรวม 600,000 ล้านบาทต่อปี ในส่วนนี้จึงไม่ถึง 1% แต่แค่นี้ถือว่าคุ้ม เพราะรักษาผลประโยชน์ของประชาชน และเราไม่ได้ล่าช้า ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีการขายไฟฟ้าให้กับประเทศกัมพูชา และมั่นใจว่าจะใช้หลักการนี้เช่นเดียวกัน แต่จะเป็นเมื่อไหร่ให้ถาม สมช.

เมื่อถามว่าการตัดกระแสไฟฟ้าจะช่วยสกัดกั้นการก่ออาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้มากน้อยแค่ไหน นายอนุทินปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ระบุเพียงว่าเป็นการทำตามคำสั่ง เราซึ่งทราบว่าทางเมียนมารับซื้อไฟฟ้าจากลาวที่จีนไปตั้งบริษัท ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้านก็ต้องไปดูแลจัดการกันเอง ไม่เกี่ยวข้องกับเราที่จะมากล่าวหาได้ว่าไปมีส่วนเกี่ยวข้องก่อให้เกิดสิ่งผิดกฎหมาย

เมื่อถามว่าจะรับมือกับมิติทางการเมืองอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เป็นเรื่องความมั่นคงและการรับข้อสั่งการจากรัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายนโยบาย ไม่ใช่การเมือง หรือประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตนยืนยันเรื่องนี้มาตั้งแต่วันแรกที่เป็นประเด็น ซึ่งตนบอกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีข้อสั่งการที่ถูกต้องตามกฎหมาย กฟภ.จะดำเนินการทันที