
จับตาเล็งเสนอ สมช.พิจารณาเคาะซีลห้ามส่งออกแผงโซลาร์ไปเมียนมา หลังมีมติตัดไฟสกัดอาชญากรรมข้ามชาติ รอดูท่าที ก.พาณิชย์ เสนอ
มติชน รายงานว่า แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 11 ก.พ.นี้ ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน จะเรียกประชุมหน่วยงานต่างๆ เพื่อติดตามสถานการณ์ หลัง สมช.มีมติสั่งระงับจ่ายไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต ส่งออกน้ำมัน ใน 5 พื้นที่ติดชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อสกัดการดำเนินการของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นั้น
เมียนมาเมียนมาหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ ได้เตรียมข้อมูลสถานการณ์การค้าชายแดน และกฎระเบียบทางการค้าภายใต้กำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์ หากมีการสั่งการให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งตามนโยบายสกัดขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์
“มีการพูดถึงแผงโซลาร์เซลล์ ที่มีการขนย้ายข้ามประเทศเพื่อเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้า แม้ตอนนี้จะไม่ได้มีการสั่งห้าม เพียงทางการไทยขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ไม่นำออกไปจำหน่าย หรือ ขนย้ายข้ามประเทศผ่านศุลกากรโดยเด็ดขาด คงต้องดูว่าจะมีมาตการเข้มข้นเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งหากเห็นว่ามีการส่งออกไปป้อนพื้นที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติ ถึงขั้นต้องห้ามส่งออกเป็นการชั่วคราวก่อนหรือไม่
ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์ มีการส่วนเกี่ยวข้อง และหากจะต้องห้ามส่งออกก็จะต้องเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ โดยกรมการค้าภายใน (คน.) เสนอเรื่องเข้าที่ประชุม จากนั้นเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบ ก็จะสามารถใช้มาตรการห้ามส่งออกภายใต้พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการได้ เรื่องนี้น่าจะชัดเจนในการประชุม 11 ก.พ.นี้ ” แหล่งข่าว ระบุ
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ(คต.) จะรายงานถึงสถานการณ์ค้าชายแดน โดยเฉพาะการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับมูลค่าการส่งออกจากค้าชายแดนไทย-เมียมนา กลับมาติดลบได้ในปี 2568 นี้
ซึ่ง 5 พื้นที่ระงับการจ่ายไฟฟ้าและการส่งออกน้ำมัน และอยู่ภายใต้พื้นที่ของ 3 ด่านศุลกากร ได้แก่ ด่านศุลกากรแม่สาย โดยปี 2567 มีมูลค่าการส่งออก 17,129 ล้านบาท ด่านศุลกากรแม่สอด ปี 2567 มูลค่าส่งออก 68,200 ล้านบาท และด่านศุลกากรสังขละบุรี ปี 2567 มูลค่าส่งออก 6,455 ล้านบาท มีโอกาสส่งผลกระทบการค้าชายแดน ไทย – เมียนมา
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวในเรื่องดังกล่าวว่า กรมฯและพาณิชย์จังหวัด มีการติดตามสถานการณ์การค้าชานแดนอย่างใกล้ชิด แม้จะค้าชายได้ตามปกติ แต่การระงับส่งสินค้าพลังงานหรือเกี่ยวข้อง ย่อมกระทบต่อมูลค่าการส่งออกไปเมียนมาติดลบมากขึ้นได้
ทั้งนี้ ปี 2567 การค้าชายแดนไทยกับเมียนมา แม้มีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท แต่เป็นประเทศเดียวที่มีอัตราการค้าที่ติดลบ 5.3% ส่วนจะหดตัวอีกเท่าไหร่ คงต้องติดตามสถานการณ์ผลจากการระงับจ่ายไฟฟ้า น้ำมัน และสินค้าด้านผลิตไฟฟ้าแค่ไหน ส่วนกิจกรรมส่งเสริมเพื่อสร้างและขยายโอกาสการค้าชายแดนไทย – เมียนมา กรมยังคงแผนจัดมหกรรมการค้าชายแดน ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ เพื่อให้ประชาชนได้เลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นและกระตุ้นการค้าตามปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลสินค้าส่งออกชายแดนไปเมียนมา 10 อันดับแรกของปี 2567 ดังนี้ 1. น้ำมันดีเซล 9,933 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.45 % 2. น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ 6,149 ล้านบาท สัดส่วน 5.23% 3. เครื่องดื่ม 3,853 ล้านบาท สัดส่วน 3.23% 4.โทศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟน 3,449 ล้านบาท สัดส่วน 2.98% 5. น้ำมันปาล์ม 3,432 ล้านบาท สัดส่วน 2.92% 6. น้ำแร่น้ำอัดลมที่ปรุงรส 3,404 ล้านบาท สัดส่วน 2.90%
7. สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรอื่นๆ 3,056 ล้านบาท สัดส่วน 2.60% 8.อาหารปรุงแต่งอื่นๆ 2,836 ล้านบาท สัดส่วน 2.41% 9. เอทิลีน 2,291 ล้านบาท สัดส่วน 1.95% 10.ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ 2,268 ล้านบาท สัดส่วน 1.93% รวม 10 รายการสินค้า มูลค่า 40,671 ล้านบาท สัดส่วน 34.60% ของมูลค่าค้าชายแดนเมียนมา หากรวมกับสินค้าอื่นๆทั้งหมดอีก76,869 ล้านบาท สัดส่วน 65.40 % ทั้งปี 2567 สินค้าส่งออกชายแดนไปเมียนมา รวมเป็น 117,540 ล้านบาท สำหรับโซลาร์เซลล์ ส่งออกไปเมียนมา 124 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.11%