
ทวีเผย ดีเอสไอจ่อออกหมายจับหม่องชิตตูและพวกรวมลุ่มคนจีนเอี่ยวค้ามนุษย์ ใช้ช่องทาง ‘อาเซียน-จีน’ ส่งผู้ร้ายข้ามแดน เล็ง ‘สามเหลี่ยมทองคำ’ ศูนย์กลางอาชญากรรมข้ามชาติ
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมนำหลักฐานคดีค้ามนุษย์เข้าพบอัยการ เพื่อหารือประเด็นการออกหมายจับผู้ต้องหา ประกอบด้วย ผู้นำกองกำลัง BGF ที่จะมีการเสนอขอออกหมายจับ อาทิ พันเอกซอชิตตู่ หรือพันเอก หม่องชิตตู, พันโทโมเต โธน และพันตรี ทิน วิน ว่าเป็นคดีเก่าหลายปีมาแล้ว ที่คนไทยโดนกักตัวในประเทศเพื่อนบ้าน และได้มีการสอบสวนพบว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ โดยนอกจาก 3 รายชื่อนี้แล้ว ยังมีคนต่างชาติด้วย
เมื่อถามว่า รายชื่อคนกลุ่มนี้ตรงกับรายชื่อที่นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน ส่งข้อมูลมาให้ใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่าไม่ใช่ แต่เป็นหลักฐานของดีเอสไอ ซึ่งดำเนินการอยู่แล้ว แต่ในระหว่างนั้นต้องการให้เกิดความรอบคอบ เพราะเป็นบุคคลสำคัญที่ถูกกล่าวถึงในสังคม จึงให้ ป.ป.ส.และอีกหลายหน่วยงานได้รวบรวมข้อมูล ซึ่งการทำคดีมีระยะเวลาในการดำเนินการ แต่เนื่องจากเป็นคดีที่เกิดนอกราชอาณาจักร ต้องสอบสวนร่วมกับอัยการ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบ จึงต้องหารือร่วมกันว่าจะออกหมายจับใครบ้าง
เมื่อถามว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในห้วงที่มีการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และผู้นำกองกำลัง BGF ก็อยู่ในพื้นที่ มันเกี่ยวโยงกันใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่าเราดำเนินการไม่ได้ดูสถานการณ์ แต่ดำเนินการตามหลักฐาน เพราะพนักงานสอบสวนและดีเอสไอ นอกจากพัฒนาการความเชี่ยวชาญแล้ว ต้องมีความเป็นธรรมไม่อคติ และดำเนินการด้วยความรวดเร็ว
ส่วนจะนำคดีนี้ไปเชื่อมโยงกับคดีใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่าต้องมีพยานหลักฐานเป็นองค์ประกอบ แต่คดีเก่ามีผู้เสียหายชัดเจน ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการขยายผลไปยังคดีฟอกเงินและยึดทรัพย์ ซึ่งเราจะทำอย่างตรงไปตรงมา และหลังจากมีความคืบหน้าในการพูดคุยระหว่างอัยการกับพนักงานสอบสวน ก็จะให้อธิบดีดีเอสไอเป็นผู้แถลงข่าว
เมื่อถามว่า ต้องมีการประสานไปยังรัฐบาลเมียนมา เพื่อขอตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า โดยหลักแล้วต้องมีการจับกุมก่อน และประสานความร่วมมือ เนื่องจากความผิดค้ามนุษย์เป็นอาชญากรรมข้ามชาติของกลุ่มประเทศอาเซียน คงไม่มีประเทศใดช่วยเหลือผู้กระทำผิด
เมื่อถามว่าจะใช้ความร่วมมือของกลุ่มอาเซียนในการส่งตัวหม่องชิตตู และผู้ที่ออกหมายจับทั้งหมดใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่าถือเป็นช่องทางการประสานงาน
เมื่อถามย้ำว่า มีกลุ่มคนจีนถูกออกหมายจับด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.ทวียอมรับว่ามี และยืนยันว่าเราได้รับการประสานงานอย่างใกล้ชิด ซึ่งเอกอัครราชทูตสหรัฐได้เดินทางมาพบตนเรื่องการฉ้อโกง เพราะคนของเขาก็ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน ขณะเดียวกัน เอกอัครราชทูตจีนก็มาพบ ซึ่งเราเห็นว่าเป็นภัยพิบัติของมนุษยชาติ มีประชาชนทุกคนตกเป็นเป้าการหลอกลวง โดยศูนย์กลางยังระบุว่าเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ รวมถึงยาเสพติดด้วย ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีผู้กระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นใครเราต้องพิสูจน์ให้ชัดเจน โดยเฉพาะเส้นทางการเงิน ในหลายเรื่องต้องมีการบูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิด
พ.ต.อ.ทวียังกล่าวต่อว่า เรื่องนี้ไม่ได้พูดคุยกับนายหลิว จงอี รอข้อมูลของดีเอสไอมีมากกว่า แต่ไม่ขอระบุจำนวนว่ามีกี่คนที่ถูกออกหมายจับ ให้เป็นเรื่องของอัยการและพนักงานสอบสวน ว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่เพียงพอออกหมายจับหรือไม่ เพียงพอจะไปรวบรวมที่อื่นอีกหรือไม่ พร้อมย้ำว่าคดีนี้เกิดขึ้นนานแล้ว แต่ขณะนั้นมีการระบุถึงผู้บงการ ผู้ใช้ ผู้จ้างวาน หรือคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ไม่เช่นนั้นเพียงแค่นำเอาคนที่เป็นแรงงานมาดำเนินการ เป็นแค่เพียงปลายทาง ก็จะไม่สามารถจัดการต้นต่อได้
เมื่อถามว่าจะมีการนำตัวหม่องชิตตูและผู้ถูกออกหมายจับมาได้อย่างไร เพราะรัฐบาลเมียนมาควบคุมพื้นที่ชนกลุ่มน้อยไม่ได้ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่าเราจะประสานความร่วมมือในอาเซียนและจีน ซึ่งพื้นที่ที่ชนกลุ่มน้อยอยู่ก็ถือเป็นประเทศเมียนมา แต่ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน พร้อมย้ำว่าการจับตัวคนเหล่านี้ไม่ยาก อยู่ที่เจตจำนงของผู้นำว่าจะเอาหรือไม่เอา จะช่วยหรือไม่ช่วย หากเห็นว่าเรื่องนี้เป็นภัยกับทุกประเทศก็ต้องช่วยกัน
เมื่อถามว่ามีโอกาสจะได้เห็นการปฏิบัติการร่วมกันแล้วเข้าไปจับกุมผู้ที่ถูกออกหมายจับใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีตอบเพียงว่ารัฐบาลไทยมีความจริงจัง