เพื่อไทย จำใจทำองค์ประชุมล่ม เพื่อปกป้องร่างแก้รัฐธรรมนูญ

เพื่อไทย

สุทินยันเพื่อไทยมีจุดยืนรักษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การแก้ไข จึงต้องทำให้องค์ประชุมล่มทั้งที่ไม่อยากทำ สัปดาห์หน้าเตรียมยื่นญัตติยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความประชามติใหม่ ไม่ใช้ของ “หมอเปรม”

‘เพื่อไทย’ เตรียมเสนอญัตติของตัวเองภายในสัปดาห์หน้าให้รัฐสภา ถกเลื่อนวาระยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความทำประชามติกี่ครั้ง เชื่อไม่เป็นญัตติซ้ำ ‘หมอเปรม’ ด้าน ‘สุทิน’ รับทำสภาล่มเพื่อรักษาร่างแก้รัฐธรรมนูญ ฝากสื่อถาม ‘ปชน.’ หัวชนฝาแก้รัฐธรรมนูญแล้วตกได้ประโยชน์อะไร ป้องนายกฯ รับผิดชอบแล้ว ส่วนพรรคร่วมที่เห็นต่าง รอดูนายกฯ แสดงภาวะผู้นำ

ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมคณะแถลงข่าวภายหลังองค์ประชุมรัฐสภาไม่ครบในการพิจารณาวาระร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวดมาตรา 15/1 ต่อเนื่องเป็นวันสอง

ทั้งนี้ นายสุทินกล่าวว่า ขอย้ำเป้าหมายของพรรคเพื่อไทยที่จะรักษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้ให้อยู่ในระเบียบวาระได้มากที่สุด ไม่ให้ถูกตีตก ซึ่งวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ ก็มีท่าทีที่จะเปิดประชุมเพื่อพิจารณาต่อ ซึ่งทุกคนรู้คำตอบแล้วว่าถ้าพิจารณาแล้วลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะต้องตกไป

ดังนั้น เมื่อเรามีจุดยืนที่จะรักษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้ เพื่อหาลู่ทางนำไปสู่การแก้ไขให้สำเร็จ เราจึงทำวิธีการที่ไม่อยากทำ คือไม่เป็นองค์ประชุม และในที่สุดการประชุมร่วมรัฐสภาก็ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้

ฉะนั้น เพื่อให้ร่างนั้นยังอยู่ เราจะพยายามนำสู่ศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาตีความอีกครั้งหนึ่งให้ได้ ไม่ใช่ให้ค้างอยู่ และมีบางพรรคการเมืองไม่เข้าใจเรา ซึ่งต้องเข้าใจว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยุ่งยาก จนอาจทำให้หลายคนมองว่าจะไม่สำเร็จนั้น เกิดจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่ชัดเจน แต่ก็มีหลายฝ่ายหยิบยกไปตีความเข้าข้างตัวเอง

ADVERTISMENT

ฝ่ายที่ไม่อยากแก้ก็ได้ก็ตีความว่าศาลพิจารณาแบบนี้ จะแก้ไม่ได้ หากแก้ได้ต้องทำประชามติ 3 ครั้ง นั่นคือความไม่ชัดเจนคลุมเครือ จนถูกฝ่ายที่ไม่อยากแก้ไขนำไปเป็นความชอบธรรมให้ตัวเอง ถึงขั้นข่มขู่ว่าใครร่วมพิจารณาก็มีสิทธิที่จะถูกดำเนินคดีและถอดถอน ทำให้สมาชิกหลายคนวิตก ซึ่งเป็นข้อเสียของความไม่ชัดเจน

นายสุทินกล่าวอีกว่า ส่วนฝ่ายที่อยากแก้ก็ตีความว่าแก้ได้ โดยให้ทำประชามติ 2 ครั้ง เราก็ยื่น แต่เมื่อยื่นแล้วจึงเกิดปัญหาและมีความคลุมเครือ ถ้าปล่อยให้ความคลุมเครือดำรงอยู่ ปีนี้หรือปีหน้า ศาลรัฐธรรมนูญไม่ชี้ให้ชัดเจนก็แก้ไม่ได้ ถ้าเราเดินหน้าจนร่างตกไป ก็ต้องเป็นสมัยประชุมหน้าที่จะสามารถยื่นได้ และเมื่อยื่นเข้าไปอีกก็จะเจอความคลุมเครือนี้อีก ก็จะเดินหน้าไม่ได้ ดังนั้น วิธีการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้สำเร็จ ในมุมมองของพวกเราคือ ต้องทำให้การวินิจฉัยนี้ชัดเจน

ADVERTISMENT

“หากศาลบอกให้ทำประชามติ 3 ครั้งก็ชัดเจน เราก็จะดำเนินการทำ 3 ครั้ง ซึ่งอาจต้องรอกฎหมายประชามติ แต่หากศาลบอกว่า 2 ครั้ง ก็สามารถเดินหน้าได้เลย และจะมองเห็นความสำเร็จ การที่เราพยายามนำร่างแก้รัฐธรรมนูญให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเพื่อคลี่คลายและปิดทางที่คลุมเครือให้ทุกฝ่ายเดินได้ แต่ที่จะได้มากกว่าคือ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาชัดว่าทำเพียง 2 ครั้งเท่านั้น

จะได้เห็นว่าฝ่ายที่อ้างว่าไม่อยากแก้แล้วเข้าข้างตัวเอง พรรคการเมืองเหล่านั้น หรือ สว.จะตอบว่าอย่างไร จะเดินหน้าแก้กับผมหรือไม่ ประชาชนจะได้รู้ว่าใครมีเจตนาที่จะแก้จริงหรือไม่จริง ดังนั้น ทางเดียวที่จะผ่าทางตันและพิสูจน์ คือให้ศาลวินิจฉัย” นายสุทินกล่าว

นายสุทินกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่พรรคประชาชน (ปชน.) บอกว่าเคยยื่นไปแล้ว แต่ศาลไม่รับ ตอนนั้นยังไม่มีข้อขัดแย้ง เพราะยังไม่เข้าสู่สภา แต่วันนี้เราจึงทำให้องค์ประกอบนั้นชัด คือยื่นเข้าสภาและมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นแล้ว ฝ่ายหนึ่งบอกบรรจุไม่ได้ อีกฝ่ายบอกบรรจุได้ จึงเชื่อว่าสาเหตุองค์ประกอบที่ครบแล้วศาลจะรับและตีความออกมา เราหวังอย่างนั้น และจำเป็นต้องเดินแบบนี้ เราต้องลงทุน ซึ่งอาจมีคนที่ไม่เข้าใจ เราก็ยอมให้ตำหนิ แต่เชื่อว่าเมื่อจบและไปสู่เป้าหมายแล้ว ทุกคนจะเข้าใจเรา

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สำหรับการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าจะทำประชามติกี่ครั้งนั้น พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมรายชื่อให้เกิน 40 คน ซึ่งเรามี สส.จำนวนมากอยู่แล้ว เพื่อเสนอญัตติใหม่ เข้ามาบรรจุในระเบียบวาระการประชุมร่วมรัฐสภาลำดับที่ 4 โดยจะรวบรวมให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้ประธานรัฐสภาเปิดประชุมพิจารณาให้เร็วที่สุด โดยจะไม่ใช้ญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.ที่เสนอไว้ เพราะอยากทำใหม่เลยเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน

อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่าญัตติของพรรคเพื่อไทย สามารถที่จะนำมาพิจารณาได้ ไม่เป็นญัตติซ้ำหลังที่ประชุมลงมติไม่เลื่อนญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ขึ้นมาพิจารณา เพราะมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นแค่การขอเลื่อน และญัตติดังกล่าวยังคงอยู่ ไม่ได้ตกไป และเราจะเสนอเลื่อนอีกครั้งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

จากนั้นนายสุทินกล่าวเสริมว่า สิ่งที่เราทำอยู่นี้ ประโยชน์คือได้ความชัดเจนและจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีโอกาสสำเร็จ จึงอยากฝากสื่อมวลชนให้ถามพรรค ปชน. ว่าแนวทางที่พรรค ปชน.กำลังเดินว่ามีประโยชน์อย่างไร แล้วจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จอย่างไร ถ้าเดินไปแล้วมันตก โอกาสจะแก้จะสำเร็จได้อย่างไร ถามหน่อย จะได้เอามาเปรียบเทียบกับแนวทางที่พรรคเพื่อไทยเดิน สื่อมวลชนจะได้เห็นและช่วยถามหน่อย ประชาชนจะได้นำมาเปรียบเทียบกันว่าแนวทางที่พรรคเพื่อไทยเดินอยู่

ถามย้ำว่า ส่วนที่พรรค ปชน.อยากให้พรรคเพื่อไทยทำความเข้าใจกันในพรรคร่วมรัฐบาล แล้วมาเดินหน้าโหวต นายสุทินกล่าวว่าปัญหาวันนี้ไม่ได้เกิดที่เสียงของ สส.ฝั่งรัฐบาล แต่มันเกิดที่เสียง สว. เราอยากได้ 67 แต่มันไม่ได้ ส่วนเรื่องของรัฐบาล เราก็ต้องยอมรับว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ ทุกพรรคมีจุดยืนเป็นของตัวเอง พรรคเพื่อไทยในฐานะเป็นแกนนำ ที่ทุกคนชอบถามหาความรับผิดชอบจากนายกรัฐมนตรี ว่าถ้าเสนอในนามรัฐบาลไม่ได้ นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบอย่างไร

เขาก็รับผิดชอบแล้ว โดยการให้พรรคของเราเสนอแทน เพราะเมื่อพรรครัฐบาลแต่ละพรรคมีจุดยืนอย่างนั้น ในทางการเมือง นายกรัฐมนตรีจะแสดงภาวะผู้นำอย่างไรกับพรรคเหล่านั้น เราก็ต้องดูต่อ แต่ความรับผิดชอบที่นายกรัฐมนตรีทำต่อรัฐธรรมนูญคือ ให้พรรค พท.เดินหน้าแก้ และเราก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ถ้าถามความรับผิดชอบจากนายกรัฐมนตรีก็ทำแบบนี้