
ภูมิธรรมเผยนำ ‘ผบ.เหล่าทัพ’ พบนายกฯ ถกความมั่นคง รายงานซีลตามแนวชายแดน-ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เบื้องต้นประสบผลสำเร็จ ย้ำไม่ใจอ่อนลดระดับมาตรการ ส่วนสร้างกำแพงชายแดนไทย-ปอยเปต รอตัดสินใจก่อน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกหน่วยงานความมั่นคงเข้าหารือ ว่าทุกเหล่าทัพได้มีการรายงานสถานการณ์ต่อหน้านายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภายหลังที่เปิดปฏิบัติการซีลแนวชายแดน 51 อำเภอ ถือว่าปฏิบัติการที่ดำเนินการในช่วงต้นประสบความสำเร็จ
โดยการกดดันในครั้งนี้ทำให้มีการเคลื่อนไหวปิดสถานบันเทิงที่มีข่าวเกี่ยวข้องกับคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่แน่ชัดว่าไทยต้องการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ให้ออกจากพื้นที่ ต้องมีการตรวจสอบคนที่ขอความช่วยเหลือ เมื่อเคลียร์ปัญหานี้แล้วก็ต้องหาช่องทางดำเนินการต่อไป ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่อง และมีการสำรวจกลุ่มคนที่เดินทางเข้าไปทำงาน ซึ่งบางส่วนต้องมีการ แยกแยะให้ชัดเจน หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็จะส่งตัวให้กับสถานทูตมารับ
ส่วนประเทศไหนที่มีคนจำนวนมากก็จะเช่าเหมาลำเครื่องบินมารับ ยืนยันว่าไทยจะไม่ยินยอมให้เป็นศูนย์อพยพ พร้อมกันนี้ เมื่อได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันแล้วก็นำข้อมูลนี้ไปดำเนินการ เพื่อให้ได้มาตรฐานและแก้ปัญหาให้ได้มากที่สุด และข้อมูลทั้งหมดให้บูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อที่จะได้มีข้อมูลที่ชัดเจน
ซึ่งเวลานี้ได้นำทุกเหล่าทัพและส่วนที่เกี่ยวข้องมาทำงานเชื่อมกับฝ่ายการเมือง เพราะบางเรื่องฝ่ายปฏิบัติเมื่อมาถึงระดับที่ตัดสินใจแล้ว ก็อาจจะไม่รู้ว่าต้องตัดสินใจดำเนินการต่ออย่างไร ดังนั้น การพูดคุยวันนี้ตนเองซึ่งประสานงานโดยตรงก็สามารถตอบแทนฝ่ายการเมือง แทนนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งจะทำให้ส่วนที่เกี่ยวข้องทำงานได้อย่างบูรณาการ โดยรวมก็มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
ส่วนความคืบหน้าการระงับโซลาร์เซลล์ นายภูมิธรรมกล่าวว่าเป็นเรื่องที่แจ้งไปแล้วว่ากำลังดำเนินการอยู่ แต่หัวใจของการพูดคุยวันนี้ ถ้าสามารถซีลทั้งหมดได้ เราก็สามารถจัดการพื้นที่ชายแดนได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีความคืบหน้ามากขึ้น
ส่วนในที่ประชุมนายกรัฐมนตรีได้เสนออะไรหรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่านายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณทุกฝ่ายที่ตั้งใจทำงาน และขอให้ทุกฝ่ายทำงานประสานงานกันให้ได้มากขึ้น พร้อมย้ำว่าในที่ประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องของหมายจับพันเอกหม่อง ชิตตู ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ
ขณะที่กองกำลังต่าง ๆ ของชายแดนเมียนมาออกมาแสดงท่าทีเอาจริงเอาจังที่จะปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะทำให้รัฐบาลไทยใจอ่อนถึงขั้นลดระดับความเข้มข้นของมาตรการลงหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าไม่ใช่เรื่องใจอ่อนหรือไม่ใจอ่อน แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำให้ตรงเป้าหมาย ปัญหาของเราคือ 1.ต้องเอาคอลเซ็นเตอร์ออกไปให้ได้ 2.จะไม่ให้ใช้พื้นที่ของเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดและค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ถ้าเข้าหมายตรงนี้ได้เราก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปประท้วง หรือสร้างเงื่อนไขต่อ เพราะถือว่าเราได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายแล้ว ถ้าเป็นไปตามเป้าหมายเราก็มีสิทธิคืนให้กับเขาได้ แต่ถ้ายังแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็ต้องดำเนินการต่อ
ส่วนเป้าหมายของรัฐบาล คือหมดสิ้น 100% หรือลดลงอย่างเห็นได้ชัด นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่สามารถพูดได้ว่าหมดสิ้น 100% แต่ต้องให้เห็นชัด ให้ทุกคนรู้สึก เช่น เบอร์โทรศัพท์ลดลง คดีลดลง ต้องว่าไปตามสัดส่วน และต้องประเมินสถานการณ์ตลอด ซึ่งจะมีทีมที่ช่วยตัดสินใจและรวบรวมหลักฐานอยู่
ในวงหารือมีการหารือถึงฐานแก๊งมิจฉาชีพที่อยู่ปอยเปต ประเทศกัมพูชาหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า บางอย่างที่พูดคุยเขาไม่ให้บอก เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงาน
ส่วนแนวคิดสร้างกำแพงแนวชายแดนที่ติดกับปอยเปตมีความเป็นไปได้แค่ไหน นายภูมิธรรมกล่าวว่ายังไม่ได้ไปหาข้อสรุปถึงขั้นนั้น แต่คงต้องมีกระบวนการไปดู เพราะเป็นข้อเสนอของคนในพื้นที่ก็ไม่ปฏิเสธและนิ่งเฉย ต้องดูรายละเอียด
แต่ทั้งนี้ ถ้ามีการก่อสร้างกำแพงระยะ 55 กิโลเมตร ประเมินไว้หรือไม่ว่าจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ นายภูมิธรรมกล่าวว่ายังไม่รู้ว่าจะสร้างหรือไม่ มองว่าผิดขั้นตอนไป ขอให้เรามีการตัดสินใจก่อน เมื่อตัดสินใจแล้วก็จะมีกระบวนการตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง แต่ตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจที่จะดำเนินการ
นายภูมิธรรมกล่าวทิ้งท้ายว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วจะมีการแจ้งความคืบหน้าเป็นระยะ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจัง ถ้าดูตั้งแต่เริ่มคิกออฟมาตรการ มีกระบวนการหลายอย่างเกิดขึ้นตามมา และเห็นได้ว่าไม่ได้หยุดนิ่งเลย ทุกอย่างพุ่งเป้าไปที่การจัดการปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์