
แพทองธารยันเศรษฐกิจปีนี้ยังโตได้ 3-3.5% ย้ำต้องเติมนโยบายการเงิน ให้คลังหารือแบงก์ชาติ เดินหน้าคู่ขนานนโยบายการคลัง หวังเงินลงทุนจากต่างประเทศดันจีดีพี ครม.สัญจรสงขลาอนุมัติงบฯกลาง 57 โครงการ 4,558.52 ล้านบาท จ่ายฟื้นฟูน้ำท่วมครัวเรือนละ 9,000 บาท โครงการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย 23 โครงการ 300 ล้านบาท กรอ.กลุ่มจังหวัดอ่าวไทย 12 โครงการอีก 300 ล้านบาท
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา ว่า ครม.เห็นชอบตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ได้เสนอให้พิจารณาในโครงการจังหวัดเพื่อฟื้นฟูซ่อมแชมโครงสร้างพื้นฐาน
สาธารณูปโภค สาธารณูปการ ครอบคลุมคันกั้นน้ำ ถนน เขื่อนป้องกันตลิ่ง และระบบระบายน้ำที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ชายแดน จังหวัดยะลา นราธิวาส และปัตตานี ที่เกิดเหตุเมื่อเดือน พ.ย.- ธ.ค. 2567 จำนวน 22 โครงการ กรอบวงเงินรวม 304.80 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ครม.รับทราบและเห็นชอบตามที่ สศช. เสนอในหลักการโครงการของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (สงขลา สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง) จำนวน 23 โครงการ กรอบวงเงินรวม 300 ล้านบาท
และเห็นชอบในหลักการของโครงการที่เป็นข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย จำนวน 12 โครงการ กรอบวงเงิน 300 ล้านบาท โดยขอรับการจัดสรร งบฯกลางจากปี 2568 ซึ่งส่วนมากจะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การกำจัดวัชพืชในทะเลน้อย การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงชุมชนและสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ
เยียวยาน้ำท่วมครัวละ 9,000
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ครม.ยังได้อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เรื่องการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยช่วงฤดูฝนปี 2567 เพิ่มเติม และการขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 งบฯกลางเพิ่มเติมจำนวน 3,653.72 ล้านบาท เพื่อดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท และอนุมัติพื้นที่ดำเนินการเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัดระนอง จึงมีครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้จำนวน 405,969 ครัวเรือน ทั้งนี้ อีก 21 โครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน ให้นำไปบรรจุไว้ในแผนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการที่ผ่านการพิจารณาจากที่ประชุม กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ที่พร้อมดำเนินการ 12 โครงการ วงเงิน 300 ล้านบาท แยกเป็นโครงการของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เสนอเข้ามา 2 โครงการ วงเงิน 50 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 10 โครงการ เป็นโครงการของ 5 จังหวัด
คือ จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และสงขลา จังหวัดละ 50 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 250 ล้านบาท โครงการจากกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย 2 โครงการ คือ โครงการพัฒนาระบบ Soft Power เพื่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 5,073,000 บาท และโครงการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ตลาดท่องเที่ยว มหกรรมอาหาร และสตรีตฟู้ด 44 ล้านบาท
จังหวัดสุราษฎ์ธานี โครงการก่อสร้างปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 4112 ตอนสนามบิน-ชะเมา ระหว่าง กม.4+800-กม.4+864 ระยะทาง 0.064 กิโลเมตร และทางหลวงหมายเลข 4014 ตอนบ้านดอนสัก-ท่าเรือเฟอรี่ ระหว่าง กม.4+800-กม.4+864 ระยะทาง 0.064 กิโลเมตร งบประมาณ 50 ล้านบาท
จังหวัดสงขลา 3 โครงการ คือ 1.โครงการพัฒนาศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารภาคใต้ ครัวใต้สู่ครัวโลก (Southern Food Hub To The World) 25 ล้านบาท 2.โครงการพัฒนาศักยภาพเมืองและชุมชนเพื่อสนับสนุนการเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก วงเงิน 10 ล้านบาท 3.โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณแยกน้ำกระจาย จังหวัดสงขลา ทางหลวงหมายเลข 407 ตอนควนหิน-เขารูปช้าง ระหว่าง กม.21+300-กม.21+800 ระยะทาง 0.500 กิโลเมตร วงเงิน 15 ล้านบาท
จังหวัดชุมพร 3 โครงการ 50 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการพัฒนาพื้นที่และปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณเขาดินสอ ตำบลบางสน อำเภอปะทิว 28 ล้านบาท 2.โครงการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวบ่อน้ำร้อนถ้ำเขาพลู ตำบลสวนแตง อำเภอละแม 10 ล้านบาท 3.โครงการก่อสร้างสะพานพรุกระจูด ความยาว 50.00 เมตร ชนิดมีทางเท้ากว้าง 1.50 เมตร ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร 12 ล้านบาท
จังหวัดนครศรีธรรมราช 2 โครงการ 50 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการส่งเสริมการแช่แข็งวัตถุดิบอาหารทะเลมูลค่าสูงด้วยการแช่แข็งด้วยน้ำเกลือ 10 ล้านบาท 2.โครงการสีสันราชดำเนิน Light & Sound 40 ล้านบาท
และจังหวัดพัทลุง วงเงิน 50 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการยกระดับมาตรฐานทางและเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนควบคุม 1302 ตอนพัทลุง-นาโหนด ระหว่าง กม.1164+000-กม.1165+500 (RT.)
แบงก์กำไรสูง-ปล่อยสินเชื่อต่ำ
นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ด้วยว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปี 2567 เติบโตขึ้นเกือบทุกมิติ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนหดตัว มีปัจจัยสำคัญมาจากธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่มีสัดส่วนมากถึง 75% ของประเทศ แต่ธนาคารพาณิชย์ยังมีกำไรอยู่ มีการปล่อยสินเชื่อต่ำ ซึ่งจะช่วยเหลือได้เป็นอย่างมาก
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาธุรกิจของภาคเอกชนลดน้อยลง บางอุตสาหกรรมเก่าไปแล้ว เมื่อไม่ได้เงินสินเชื่อ ภาครัฐจึงพยายามทำในทุกเรื่องเพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เอกชนมีการลงทุนเพิ่มเติม จึงอยากให้นโยบายการเงินการคลังทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ทั้งนี้ เงินเฟ้อตอนนี้ยังต่ำ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องช่วยกัน รัฐบาลจะทำอยู่ฝั่งเดียวไม่ได้ ทุกส่วนมีส่วนสำคัญอย่างมาก
ยืนเป้าจีดีพีโต 3-3.5%
นายกรัฐมนตรีตอบคำถามกรณีสภาพัฒน์ คาดจีดีพีปีนี้โต 2.8% รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอย่างไรว่า เรื่องของสินเชื่อ รัฐบาลต้องคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมมือกัน สิ่งที่รัฐบาลพยายามจะทำคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงพื้นที่ครั้งนี้รัฐมนตรีหลายคนไปหลายจังหวัดที่มีศักยภาพอย่างมาก
ดังนั้นก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำต่อ นอกจากการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวแล้ว การกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคเอกชนต้องดูด้วยว่าก่อนที่จะลงทุนเพิ่มในระบบทำได้อย่างไรบ้าง ก็ต้องย้อนกลับมาในเรื่องของการเงิน
“กระทรวงการคลังตั้งเป้าไว้ที่ 3% และจะพยายามดันให้ถึง 3.5% เพราะฉะนั้นมั่นใจว่า เดือนที่เหลือของปี 2568 จะผลักดันกันอย่างเต็มที่ รวมถึงการพูดคุยกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารแห่งประเทศไทย คือสิ่งที่สำคัญที่จะต้องร่วมมือกันจริง ๆ แล้ว”
สำหรับปัจจัยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เน้นเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศ จากการไปพบกับหลายประเทศเพื่อดึงการลงทุน ที่ผ่านมาเศรษฐกิจแย่มาระยะหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นการผลักดันจากทุกส่วนสำคัญมาก รัฐบาลไม่สามารถจะทำเพียงหนึ่งอย่าง แล้วจะเกิดเรื่อง Miracle เศรษฐกิจดีทันที
ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่ได้ออกมาแค่หนึ่งนโยบายเพื่อกระตุ้นจีดีพี เราทุกกระทรวงต้องทำเช่นกัน รวมถึงเอกชนต้องช่วยด้วย เพราะไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้หรือปีสองปีที่แล้ว แต่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จึงต้องช่วยกันทุกฝ่าย
“การลงพื้นที่เพื่อติดตามนโยบายต่าง ๆ ของภาคใต้จะผลักดันเต็มที่ และประชาชนที่ได้พบเจอ ขอให้สบายใจว่ารัฐบาลกำลังทำทุกอย่างเต็มที่ ร่วมมือกับทุกฝ่าย เพื่อผลักดันเศรษฐกิจไปพร้อมกัน” นายกรัฐมนตรีกล่าว