“ทักษิณ” ช่วยดับไฟใต้ พลิกคู่มือฉบับเก่า 66/23

ทักษิณ ชินวัตร
ทักษิณ ชินวัตร

สื่อต่าง ๆ เสนอข่าวเกรียวกราวว่า “ทักษิณ” จะลงใต้ รับฟังปัญหาไฟใต้ และอาจปัดฝุ่นนำนโยบาย 66/2523 กลับมาใช้ใหม่

บิ๊กอ้วน หรือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ว่า มีกำหนดลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 23 ก.พ.นี้

โดยอดีตนายกฯทักษิณจะลงพื้นที่ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน คือ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย

นายภูมิธรรมเผยว่า จะนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้พูดคุยมาประกอบการลงพื้นที่ ตนเองในฐานะกำกับดูแลกองทัพภาคที่ 4 ตำรวจภูธรภาค 9 และ ศอ.บต. จะไปร่วมรับฟังปัญหาด้วย

รมว.กลาโหมยังระบุถึง “ยุทธศาสตร์ชายแดนภาคใต้” ว่าได้ดำเนินการมาถึงในระดับหนึ่งแล้ว มีการลงพื้นที่พูดคุย มีการประชุมร่วมกับกองทัพภาค 4 ส่วนหน้า มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงหลายระดับ

หลังจากนี้จะต้องมีการพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาระดับกองพันขึ้นไป รวมถึงในระดับกองทัพภาค เพื่อนำแผนที่มีการปรับและทบทวนนำไปใช้ในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน

ADVERTISMENT

จากนั้นจะกลับมาพื้นที่อีกครั้งเพื่อพูดคุยกัน แต่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบไม่ให้มีพิธีกรรมมาก ในลักษณะการสนทนาวงเล็ก

ได้ย้ำไปว่า ไม่ได้ไปในฐานะผู้บังคับบัญชา แต่อยากไปในฐานะเป็นผู้ที่ต้องร่วมกันแก้ไขปัญหา

ADVERTISMENT

มีคำถามจากนักข่าวว่า มองอย่างไรหากมีการใช้นโยบาย 66/2523 นายภูมิธรรมกล่าวว่าเป็นการย้อนหลังไปถึง 50 ปี

ต้องดูว่าสอดคล้องกับสภาพปัจจุบันหรือไม่ ส่วนใดที่เคยประสบความสำเร็จมาก็นำมาปรับใช้ แต่คงไม่สามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด

สำหรับ “ยุทธศาสตร์แก้ปัญหาภาคใต้ฉบับใหม่” ที่นายภูมิธรรมกล่าวถึง ยังมีการขยายความจาก นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่ายุทธศาสตร์ใหม่มีหลายประเด็น โดยเฉพาะการนำผู้เห็นต่างกลับเข้าสู่สังคม คล้ายกับนโยบาย 66/23 ยืนยันไม่ใช่การนิรโทษกรรม แต่จะใช้การเมืองนำการทหาร

เป็นเพียงกรอบแนวความคิดเท่านั้น เพราะยุทธศาสตร์ยังไม่แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการแก้ไข เราตั้งใจจะทำให้เป็นระบบมากขึ้น แทนที่จะทำเฉพาะจุดหรือเฉพาะเรื่อง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น ทั้งนี้ ยังจำเป็นต้องมีการตรวจสอบกลุ่มเห็นต่าง แต่ต้องมีหลักเกณฑ์ชัดเจน

ยังเป็นร่างและยังไม่ได้รับการรับรอง เพียงแต่เป็นการยกตัวอย่างว่ามีประเด็นอะไรบ้าง หากแล้วเสร็จจะทำให้การทำงานเป็นระบบมากขึ้น และยืนยันว่าคณะพูดคุยสันติสุขก็ยังคงมีอยู่ ตามนโยบายใหญ่ที่กำหนดไว้ เพียงแต่รอให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมพิจารณาก่อน

พร้อมส่งเข้าที่ประชุมใหญ่ สมช. แต่ขณะนี้ยังไม่กำหนดว่าจะเป็นห้วงเวลาไหน เชื่อว่าจะเป็นแนวทางที่ดีขึ้น

ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ จ.นราธิวาส นายธนาธิป พรหมชื่น กำนันตำบลสุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า เรียนเชิญร่วมต้อนรับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายก และ รมว.กลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม

ในโอกาสเดินทางเข้ากราบสักการะพระเดชพระคุณพระธรรมวัชรจริยาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา และพบปะชาวบ้านในพื้นที่ ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี และพื้นที่ใกล้เคียง จ.นราธิวาส วันที่ 23 ก.พ. เวลา 09.30 น. ที่วัดประชุมชลธารา ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส

น่าสนใจว่าอดีตนายกฯทักษิณ ซึ่งลงใต้โดยสวมหมวกที่ปรึกษาประธานอาเซียน จะแก้ปัญหาไฟใต้อันเป็นปัญหาของไทยที่มาเลเซียมีส่วนร่วมได้มากน้อยแค่ไหน

แต่เป็นเรื่องที่นายทักษิณทราบดี เพราะเมื่อเป็นนายกฯ สมัยแรก เมื่อปี 2544 ได้เกิดปัญหาการปล้นปืนในค่ายทหาร ก่อนจะบานปลายเป็นไฟใต้ที่ลุกโชติช่วง จากกรณีกรือเซะ ตากใบ เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมากมาย

กลายเป็นรอยร้าวระหว่างฝ่ายการเมือง ภาคราชการ กับประชาชนในภาคใต้

การย้อนกลับมาแก้ปัญหาด้วยหลักการเมืองนำการทหาร ตามแนวทาง 66/2523 ที่ใช้ยุติสงครามคอมมิวนิสต์ ในสมัยนายกฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มาแล้วจึงเป็นเรื่องน่าสนใจ

หากคิดจริงทำจริง น่าจะพลิกโฉมของสถานการณ์ที่สู้รบกลับมาสู่สันติภาพได้

เป็นอีกบทบาทที่น่าติดตามของอดีตนายกฯทักษิณ