
นายกฯพบคณะผู้แทนบริษัทจีนฯ 6 กลุ่มอุตสาหกรรม ยืนยันพร้อมขยายการลงทุนในไทย พร้อมดันการลงทุน AI-เซมิคอนดักเตอร์-พลังงานทางเลือก รองรับอุตสาหกรรมใหม่ในอนาคต
นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย นำคณะผู้แทนบริษัทจีนในประเทศไทย จากสมาคมการค้าวิสาหกิจไทย-จีน (Chinese Enterprises Association in Thailand : CEA) จำนวน 12 บริษัท ใน 6 สาขาหลัก ได้แก่ กลุ่มธนาคารและการเงิน กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตร กลุ่มเทคโนโลยีและพลังงาน กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มอุตสาหกรรมพาณิชย์และการลงทุน เข้าเยี่ยมคารวะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีที่ได้พบกับคณะผู้แทนบริษัทจีนฯ ถือเป็นโอกาสสำคัญช่วงวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีน ทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและยาวนานในทุกมิติ ดังคำที่กล่าวว่า “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”
นายกฯยืนยันว่า รัฐบาลยินดีรับฟังข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นต่าง ๆ จากทุกภาคส่วน เพื่อนำมาหารือและพิจารณาความต้องการร่วมกัน
ขณะที่เอกอัครราชทูตจีน กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับ สะท้อนการให้ความสำคัญต่อมิตรภาพไทย-จีน ซึ่งกำลังพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง เกิดความร่วมมือในทุกมิติ สร้างความสำเร็จ ความผาสุก ให้แก่ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ
โดยภาคธุรกิจจีน ยินดีที่จะส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ขยายการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-จีนให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูต พร้อมยืนยันว่า บริษัทจีนในไทย พร้อมลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าไทยมีศักยภาพที่จะขยายการลงทุนได้ในอีกหลายสาขา
ด้านนาย Li Xiaobo ประธานสมาคมการค้าวิสาหกิจไทย-จีน กล่าวว่า วิสาหกิจจีนในไทยได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับเทคโนโลยี พัฒนาอุตสาหกรรม สร้างรายได้จากการส่งออก และการจ้างงานของบุคลากรไทย
ซึ่งคณะผู้แทนบริษัทจีนฯ ในวันนี้ ล้วนเป็นบริษัทชั้นนำของจีนในแต่ละสาขาที่สำคัญ โดยต่างยินดีที่จะร่วมขับเคลื่อนการค้าการลงทุนระหว่างไทย-จีน สร้างประโยชน์ร่วมกันต่อไป
ทั้งนี้ 2 ฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะด้านการค้าและการลงทุน โดยเน้นการพัฒนาและขยายการลงทุนในไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สารกึ่งตัวนำ (เซมิคอนดักเตอร์) และพลังงานทางเลือก
ซึ่งคณะผู้แทนบริษัทจีนฯ พร้อมที่จะสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมในไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นพ้อง และเน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี AI เซมิคอนดักเตอร์ และพลังงานทางเลือก ตลอดจนการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เอื้อต่อการลงทุน (Ease of Doing Business) โดย BOI พร้อมเป็นผู้เชื่อมโยงผู้ประกอบการกับผู้ผลิต
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเพิ่มเติมถึงการจ้างงาน และการพัฒนาทักษะแรงงานไทยให้สอดคล้องกับแต่ละภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อสร้างโอกาสควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากร ซึ่งคณะผู้แทนบริษัทจีนฯ ยินดีที่จะสนับสนุนแรงงานไทย พร้อมส่งเสริมการพัฒนาทักษะผ่านการจัดการฝึกอบรม ให้ความรู้ร่วมกับสถาบันต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีให้ความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะเร่งพัฒนาระบบนิเวศและปัจจัยที่จะส่งผลต่อการลงทุน เช่น การพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะรองรับเทคโนโลยีใหม่ ปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุน และพร้อมร่วมมือทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมกับจีน รวมถึงให้การสนับสนุนบริษัทจีนที่ดำเนินธุรกิจในไทย เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
อนึ่ง สมาคมการค้าวิสาหกิจไทย-จีน (CEA) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2544 ดำเนินงานภายใต้การดูแลของสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจการค้า และการลงทุน ระหว่างไทยและจีน โดยปัจจุบันมีบริษัทสมาชิกกว่า 380 แห่ง ซึ่งรวมถึงบริษัทที่ติดอันดับ Fortune Global 500 จำนวนกว่า 40 บริษัท และบริษัทชั้นนำ 500 อันดับของจีนจำนวน 78 บริษัท