
ทักษิณ ย้ำปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต้องยุติในรัฐบาลนี้ ชี้แนวทางพูดคุยเป็นแนวทางที่ดีที่สุด พร้อมชี้แก้ปัญหายาเสพติด เปิดใจในรอบ 20 ปี ลั่น “เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” ขออภัยหากทำให้ไม่พอใจ – วอนทุกฝ่ายช่วยกันแก้ไขปัญหาพื้นที่ เชื่อปีนี้จะเห็นสัญลักษณ์ที่ดีขึ้นเยอะ ปี 69 น่าจะจบ
ที่โรงเรียนสัมพันธ์พัฒนาวิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาประธานอาเซียน กล่าวระหว่างการพบปะผู้บริหารสถานศึกษา ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น ว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้ความสำคัญกับสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้
จึงตั้งใจมาดูสถานการณ์ในปัจจุบัน และอยากมาดูมารับฟังด้วยตัวเองว่าเป็นสถานการณ์เป็นอย่างไร และมาสานงานที่ทำไว้เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ก็อยากจะเห็นว่าเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นและการดูแลแก้ไขปัญหาใช้เวลานานมากก็ยังไม่ยุติเสียที มันก็ควรจะยุติได้ในสมัยที่รัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเป็นรัฐบาลเพื่อไทยและลูกสาวตนเป็นนายกรัฐมนตรี
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า อยากเห็นการทำงานร่วมกัน เพราะเชื่อว่าเราอยากเห็นการแก้ปัญหาร่วมกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ เมื่อก่อนนี้ตอนสมัยตนเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ เราจะน้อมนำแนวทางพระราชดำริในหลวงรัชกาล 9 เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา ซึ่งตนคิดว่ายังเป็นหลักการที่สำคัญ
“เข้าถึงจิตใจว่าพวกเขาคิดอย่างไร เมื่อเข้าถึงแล้ว เพื่อให้เขาพูดความจริงก่อนเมื่อความเค้าพูดความจริงแล้วเราต้องเข้าใจเป้าหมายร่วมกัน ร่วมกันพัฒนาในสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยตรัสไว้ในการที่จะแก้ปัญหาภาคใต้ ณ.วันนี้ ผมเข้าใจว่ายังเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งและเป็นสิ่งที่ถูกต้องเลยอยากมาฝากกับน้องๆว่าเราลองหยุดหายใจสักระยะ
เรามัวอยู่กับเหตุการณ์ที่เคยมีมา 20 ปีแล้ว ให้กลับมาดูว่าเราจะเข้าถึงหรือแค่ไหนและเข้าใจมาคิดร่วมกันว่าจะทำให้พี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่อย่างสันติสุข นั่นคือหลักการที่ผมมาที่นี่” นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกคนมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา ตนเชื่อว่าปัญหามีทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้เห็นต่างและฝ่ายข้าราชการ ดีที่สุดคือการพูดคุย ซึ่งตนได้เริ่มต้นการพูดคุยด้วยการที่ตนเองไปที่มาเลเซียในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้พบกับผู้ที่เห็นต่างทั้งหลายที่อยู่ในมาเลเซีย ได้มีการพูดคุยกัน พวกเขาบอกอยากกลับบ้าน แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับ แสดงเห็นว่าทุกฝ่ายพร้อมจะหันหน้าเข้ามาพูดคุยกัน เริ่มต้นชีวิตใหม่
“หลายคนในวันนั้นที่ได้ส่งตัวแทนมามาคุยกับผมที่ต่างประเทศ ก็ได้มาคุยกัน คิดว่าวันนี้แนวทางในการพูดคุย ยังเป็นแนวทางที่ถูกต้องอยู่ เราต้องพูดคุยในระดับระดับท้องถิ่นระดับชาวบ้าน จนถึง ระดับข้าราชการที่ต้องพูดคุยกัน นักการเมืองท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มเห็นต่าง นี่คือสิ่งที่ผมว่าเป็นแนวทางที่อยากเห็น” นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ กล่าวย้ำว่า ที่ผ่านมาความล้มเหลวของการบริหารก็คือเศรษฐกิจที่แย่ เมื่อเศรษฐกิจที่แย่สิ่งที่ทำมาคือ ยาเสพติด สิ่งยาเสพติดเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ทั้งชาวพุทธและมุสลิม ก็อยากจะขอให้เริ่มยาเสพติดเป็นวาระสำคัญที่เราจะต้องจัดการเพราะในเมื่อคนใช้ยาเสพติดมาก ก็ไม่มีความยั้งคิดย้ำทำ ก็อยากฝากให้ทุกท่านแก้ปัญหาเรื่องยาเสพติดด้วย
จากนั้น นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์กล่าวถึงความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าความร่วมมือในพื้นที่และประเทศเพื่อนบ้านเป็นหัวใจสำคัญ ในการทำให้สันติสุขกลับสู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยในพื้นที่และบุคคลที่ไปอยู่ต่างประเทศต้องมีการพูดคุยกัน
ทั้งนี้ ตนได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง และถือว่าเป็นความร่วมมือที่ไม่เคยได้รับมาก่อน เพราะทุกคนอยากเห็นประเทศไทยและอาเซียน มีความสงบสุขเพื่อจะได้มีการลงทุนด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น
เมื่อถามถึง การนิรโทษกรรมและส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายทักษิณ กล่าวว่า ต้องมีการพูดคุยกันก่อน หากคุยจบแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็สามารถปรับได้หมด ว่าจะทำอย่างไรให้คนที่กระทำความผิดไปแล้วและสำนักผิดได้กลับมาอยู่ประเทศไทยอย่างเดิม ซึ่งการพูดคุยยังคงต้องมีอีกหลายขั้ยตอน
เมื่อถามถึงการฟื้นนโยบาย 66/23 นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นแนวที่เคยใช้สมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งได้ผลดี แต่วันนี้ต้องมีการพูดคุยหลายฝ่ายและปรับให้เป็นไปได้ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปได้
เมื่อถามว่า มีเป้าหมายในใจอยากจะทำอะไรหรือไม่ หลังไม่ได้ลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มานาน อดีตนายกฯ ระบุว่า กว่า 20 ปีก็อยากจะกลับมาเห็นว่าความรู้สึกของคนที่นี่เป็นอย่างไร ทัศนคติที่อยากจะเห็นความปรองดองที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างไร เท่าที่ดูก็บวกขึ้นเยอะ และจากการที่ตนประสานงานกับต่างประเทศ ก็มั่นใจว่ามันเป็นสิ่งที่หาข้อยุติได้
พร้อมย้ำว่า การมาครั้งนี้รู้สึกดีใจว่า “มันเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์”
เมื่อถามว่า ต้องรออีกนานเท่าไหร่ นายทักษิณ ตอบกลับทันทีว่า “ไม่ต้องรอครับ ผมเชื่อว่าภายในปีนี้ มันจะเห็นสัญลักษณ์ที่ดีขึ้นเยอะ และปีหน้า น่าจะจบ”
ส่วนจะใช้บทบาททั้ง 3 (ตำแหน่ง) อย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ผมมีความรู้สึกเหมือนกับว่า ทำงานยังไม่จบ ก็อยากจะเห็นสันติสุขของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเอาประสบการณ์ที่เกิดขึ้นสมัยก่อนที่เคยมาทำไว้ มาแชร์กันว่าจะต้องปรับอย่างไร เพราะวันนี้ทัศนคติของประชาชนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เปลี่ยนไปเยอะ เบาลงเยอะ เข้าใจขึ้นเยอะ และจากการพูดคุยกับผู้บริหารโรงเรียนปอเนาะ โรงเรียนตาดีกา ต่างๆ ก็รู้สึกว่าเปลี่ยนไปเยอะจากเมื่อก่อน
เพราะเมื่อก่อนสมัยที่ตนเป็นนายกฯ พอเดินเข้าไปในโรงเรียน เด็กมองหน้าเข้ม แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่และ เท่าที่เข้ามาก็เปลี่ยนไปเยอะ ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นสัญญาณที่ดี
เมื่อถามว่า ต้องถอนกำลังทหารออกหรือไม่ อดีตนายกฯ ขอว่าอย่าเพิ่งพูดไปไกล วันนี้อะไรที่พูดคุยกันแล้ว หากจำเป็นก็อยู่ต่อไป อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรอยู่ เนื่องจากตอนนี้เกิดความเข้าใจดีต่อกัน และก็เพื่อให้เกิดการประหยัดงบประมาณด้วย
ส่วนความคืบหน้าการพูดคุยตน ก็เชื่อว่าภายในปีนี้จะเห็นชัดขึ้น เพราะอดีตรองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ก็อาสาเข้ามาช่วยและมาพบ ซึ่งตนก็จะให้คำแนะนำห่างๆ พร้อมปฏิเสธ ว่าตนคงไม่เข้าไปอยู่ในคณะพูดคุย เพราะผมแก่แล้ว
ส่วนกรณีเหตุระเบิดก่อนก่อนเดินทางลงพื้นที่วันนี้ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นเรื่องสัญลักษณ์ ซึ่งบางคนอาจจะอยากทำให้ตนตกใจ แต่เผอิญเป็นคนตกใจยาก และเคยถูกรอบฆ่ามา 4 ครั้งยังเฉยๆ ซึ่งไม่เป็นไร ใครจะต้อนรับวิธีไหน ผมรับได้หมด
เมื่อถามว่า เหตุระเบิดดังกล่าวอาจจะเกิดจากความคาใจของประชาชนในพื้นที่จากกรณีตากใบ อดีตนายกฯ กล่าวว่า ตนได้พูดกับผู้นำศาสนาวันนี้ ว่าตอนที่เป็นนายกฯ มีความตั้งใจและห่วงใยประชาชน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การทำงานก็มีผิดพลาดบ้าง
“หากผมมีอะไรผิดพลาด และทำให้เป็นที่ไม่พอใจ ก็ขออภัยด้วย เพื่อเราจะได้กลับมาช่วยกันแก้ไขปัญหากัน ไม่อยากให้ความคลางแคลงใจเล็กๆน้อยๆยังอยู่ เพราะพี่น้องมุสลิมถูกสอนมาว่า 1.รักสันติสุข 2.รู้จักให้อภัย ฉะนั้นเมื่อทำให้ไม่ถูกใจ ก็ขออภัยด้วย”
ภาพ : สำนักประชาสัมพันธ์ จ.นราธิวาส