
สว.ถกลับ 1 ชม.เต็ม หาทางตอบโต้ ‘ทวี-ดีเอสไอ’ ชอตไมค์ หลังถูกถาม ทำไมโพยฮั้วตรงเป๊ะ 138 คน ‘มงคล’ จวก เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่ ยัน ไม่กลัวการตรวจสอบ สุดท้ายผู้ไม่มีอำนาจพยายามเข้ามาแทรกแซง ไม่ทราบ หลังบ้านล็อบบี้ คกก.พิเศษหรือไม่ ขณะที่ ‘บิ๊กเกรียง’ ประกาศเดินหน้าตรวจสอบใช้เวทีตั้งกระทู้-อภิปรายทั่วไป ลั่น น่าจะทันสมัยนี้ ด้าน ‘บุญส่ง’ ยันอำนาจเป็นของ กกต. ถามความรู้สึกของวิญญูชนเป็นเช่นไร ก็คงดำเนินการตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) นำโดยนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา และ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ประชุมหารือกรณีการฮั้วเลือก สว. โดยมี สว.ผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา จำนวน 21 คณะ ร่วมประชุมด้วย ซึ่งการประชุมเป็นการหารือภายในแบบลับ โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง โดยไม่ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าไปเก็บภาพหรือติดตามการประชุม ส่วนบรรยากาศภายนอกห้องประชุมมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลความเรียบร้อยอย่างเข้มงวดแตกต่างจากทุกครั้ง
ภายหลังการประชุมได้มีการแถลงข่าว โดยนายมงคลกล่าวว่า สืบเนื่องจากเรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ เพื่อมีมติให้คดีเกี่ยวกับการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 เป็นคดีพิเศษนั้น ตนได้มีการหารือกับรองประธานวุฒิสภา และ สว. จึงขอแถลงข่าวชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ ต่อสื่อมวลชนเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง สำหรับประการที่ 1 แต่เดิม ก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 การจัดการเลือกตั้ง สส.เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศ เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร คือ กระทรวงมหาดไทยที่ทำหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง แต่มีการเอื้อกันและไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม
ฉะนั้น จึงได้มีการแก้ไขให้จัดตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาหลายองค์กรเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลฝ่ายบริหาร รวมทั้ง การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน และได้บัญญัติสืบต่อมาจนกระทั่งถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน รัฐธรรมนูญทุกฉบับได้บัญญัติให้การจัดการเลือกตั้ง สส.และการได้มา ซึ่ง สว. โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์หรือความมุ่งหมายไม่ให้ถูกแทรกแซงของฝ่ายบริหาร หรือคณะรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีคนใด รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษและคณะกรรมการคดีพิเศษ
“เพื่อมิให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจในการแทรกแซงหรือก้าวก่ายการได้มาและการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้น ตามรัฐธรรมนูญและ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ. 2561 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 จึงบัญญัติให้การจัดการเลือกตั้งและการควบคุมการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม รวมทั้งการดำเนินคดีเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และการดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งโดยเฉพาะ” นายมงคลกล่าว
นายมงคลกล่าวต่อว่า ประการที่ 2 เมื่อการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต.แล้ว การที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แถลงข่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคำร้อง และเตรียมเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติให้คดีเกี่ยวกับการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเป็นคดีพิเศษ โดยที่ กกต. ยังไม่ได้มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว หรือมอบหมายให้ดีเอสไอดำเนินการ
จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่และอำนาจของดีเอสไอ อีกทั้งการตั้งข้อหาอั้งยี่และความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 และมาตรา 116 กับสมาชิกวุฒิสภา ต้องถือว่าเป็นการตั้งข้อหาและเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการก่อการร้าย หรือการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ รวมถึงเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานต่าง ๆ ดังกล่าวแต่อย่างใด หากแต่ สว.ที่ถูกกล่าวหาได้สมัครเข้ารับการเลือกและผ่านกระบวนการเลือกมาอย่างถูกต้อง จนกระทั่งได้รับการรับรองจาก กกต.เข้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ
“การตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวจึงเป็นความพยายามที่จะเชื่อมโยงให้เป็นไปตาม ข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง และเป็นการใช้อำนาจฝ่ายบริหาร เป็นเครื่องมือโดยส่อเจตนาที่จะทำลายองค์กรวุฒิสภาด้วยการเผยแพร่ข่าวและเอกสารลับต่าง ๆ อันทำให้วุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภาถูกดูหมิ่นและเกลียดชังเพื่อล้มล้างฝ่ายนิติบัญญัติ ยืนยันว่าเราไม่กลัวการตรวจสอบ เราพร้อมและให้ความร่วมมือในการตรวจสอบกับองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่คือ กกต.มาโดยตลอด ขอเอกสารก็ส่งให้ เรียกบุคคลไปให้ถ้อยคำ ก็ไป ทุกคนพร้อมที่จะทำให้กับผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ แต่ผู้ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่พยายามเข้ามาแทรกแซงหรือตรวจสอบเรา ฉะนั้น ที่ประชุมจึงได้มีมติร่วมกันคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” นายมงคลกล่าว
เมื่อถามว่า การที่ดีเอสไอรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษนั้น มองว่าเป็นการล้ม สว.ชุดนี้หรือไม่ นายมงคลกล่าวว่า เราไม่อยากทราบเจตนารมณ์ของใครได้ แต่พฤติการณ์ต่าง ๆ ที่ออกมา ทั้งการประโคมข่าว ออกมาให้ข่าว รวมถึงเผยแพร่เอกสารลับนั้น ก็ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณดูแล้วกัน ถามต่อว่า มองว่าดีเอสไอได้รับใบสั่งจากใครมาหรือไม่ นายมงคลกล่าวว่า เช่นเดียวกับเรื่องเมื่อสักครู่นี้
เมื่อถามถึง กรณีที่ดีเอสไอระบุว่าการดำเนินคดีในส่วนนี้คือส่วนของอาญาไม่เกี่ยวข้องกับ กกต.สามารถทำได้หรือไม่ นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง กล่าวว่า การสืบสวนในเบื้องต้นเป็นหน้าที่ของ กกต.เรื่องการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งในกฎหมายนี้ก็จะมีกฎหมายอาญาตามมาทีหลัง
เมื่อถามถึง กรณีดีเอสไอระบุว่าโพยฮั้วเลือกตั้ง สว. ตรงกันถึง 138 คน จาก 140 คน มีมูลพอที่จะตรวจสอบหรือไม่ คณะ สว.นิ่งอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่ประธานวุฒิสภาจะหันไปทางนายบุญส่งพยักหน้าให้ตอบคำถาม ซึ่งนายบุญส่งกล่าวย้ำสั้น ๆ ว่า เป็นหน้าที่ของ กกต.ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามถึง ความคืบหน้ากรณีที่จะมีการยื่นถอดถอน พ.ต.อ.ทวี พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า เราทำตามอำนาจหน้าที่ของ สว. ในการตรวจสอบองค์กรที่ดำเนินการดังกล่าว เนื่องจาก สว.ทุกคนของเรายอมรับว่าเรามาตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นกระบวนการตรวจสอบ สว.ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายเช่นเดียวกัน ดังนั้น เราจึงมีการเตรียมการในการอภิปรายทั่วไป ในเรื่องและบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เขามีโอกาสมาตอบคำถาม หรือการตั้งกระทู้
ส่วนจะทันในสมัยประชุมนี้หรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า “ตามไทม์ไลน์แล้ว น่าจะทัน” โดยจังหวะนี้นายอลงกต วรกี สว. ที่ยืนอยู่ด้านหลังพูดแทรกขึ้นมาว่า “ปีหน้ามั้ง”
ส่วนจะมีการนำข้อมูลที่ได้ไปให้ฝ่ายค้านเพื่อทำการซักฟอกรัฐมนตรีหรือไม่ นายมงคลกล่าวว่า เราทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราไม่มีสังกัด เราก็ทำของเรา เขาก็ทำของเขา เราจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งต้องตั้งมั่นอยู่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความยุติธรรม เรื่องนี้เราตอบไม่ได้ และเราไม่ได้มีความคิดที่จะทำ
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่หากฝ่ายค้านนำเรื่องนี้ไปเป็นกรอบญัตติของการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย นายมงคลหัวเราะ ส่ายหน้า ก่อนกล่าวว่า เป็นเรื่องสิทธิของแต่ละคน เราตอบเรื่องนี้ไม่ได้
เมื่อถามถึง การโต้ตอบของฝ่ายบริหารและวุฒิสภาจะถูกมองเป็นความขัดแย้งของสามเสาหลักหรือไม่ นายมงคลกล่าวว่า เป็นเรื่องของการปกป้อง ทุกคนมีสิทธิที่จะปกป้อง ย้ำว่า เราไม่ได้กลัวการตรวจสอบ แต่เราพร้อมให้ความร่วมมือกับผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวมีการโทร.ล็อบบี้คณะกรรมการคดีพิเศษนั้น นายมงคลกล่าวว่า ไม่ทราบ
ถามต่อว่า หากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษพร้อมเข้าสู่กระบวนการใช่หรือไม่ นายมงคลกล่าวว่า จริง ๆ แล้วเรายังไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต
เมื่อถามว่า การระบุใช้ข้อหาอั้งยี่ที่อาจมีกระบวนการฉ้อฉลนั้นถือว่าใช้คำแรงไปหรือไม่ นายมงคลและ พล.อ.เกรียงไกร หัวเราะ จากนั้นนายบุญส่งกล่าวว่า “ความรู้สึกของวิญญูชนเป็นเช่นไร ก็คงดำเนินการตามกฎหมาย”