นายกฯ จ่อลุยอรัญประเทศ ตามปราบแก๊งคอลฯ ภูมิธรรม แย้มอาจมีลงดาบข้าราชการอีกรอบ

นายกฯ เตรียมลงพื้นที่อรัญประเทศ ตรงข้ามฝั่งปอยเปต กัมพูชา 28 ก.พ. ติดตามปัญหาแก้คอลเซ็นเตอร์  ‘ภูมิธรรม’ แย้มอาจมีลงดาบ ข้าราชการเอี่ยวอีกระลอก หลังลงโทษ-โยกย้ายแล้วจำนวนหนึ่ง

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะจะลงพื้นที่ด่านพรมแดนตำบลคลองลึก ใกล้ตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ของประเทศกัมพูชา ในวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ เพื่อติดตามปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ที่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลกัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรีระบุในที่ประชุม ครม. ว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์รัฐบาลจะทำต่อเนื่องแบบ “ไม่จบ ไม่เลิก” จัดการเด็ดขาด

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า อย่างที่ทราบกันดีว่าปัญหาคอลเซ็นเตอร์เป็นปัญหาที่กระทบต่อประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก และเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่ใช่เฉพาะภายในประเทศเท่านั้น แต่เป็นปัญหาระหว่างประเทศ ที่ผ่านมาได้ติดตามการทำงานของทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง ถือว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในการจัดการปัญหาตามแนวชายแดนเมียนมา

แต่เนื่องจากปัจจุบันปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ เช่น ชายแดนลาวและกัมพูชา โดยขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ รายงานสถานการณ์ปัจจุบัน และมาตรการในการป้องกันปัญหาต่อ ครม.

โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รายงานว่าชายแดนฝั่งตะวันตกที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ได้ดำเนินการในส่วนของข้าราชการที่เกี่ยวข้อง โดยได้ลงโทษด้วยการโยกย้าย และตั้งกรรมการสอบเพื่อเอาผิดไปจำนวนหนึ่งแล้ว แต่ขณะเดียวกันฝ่ายสืบสวนคณะทำงานได้ติดตามตรวจสอบขยายผลว่ามีข้าราชการคนใดไปมีส่วนเกี่ยวข้องอีกบ้าง ซึ่งพบว่ายังมีอีกไม่น้อย ซึ่งกำลังรวบรวมเพื่อดำเนินการออกคำสั่งและลงโทษต่อไป

ในขณะที่การประสานงานกับฝั่งประเทศเมียนมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานเรื่องของการส่งผู้ต้องสงสัยจำนวนมากที่ทางฝั่งเมียนมาจับกุมมาหลายพันคน ซึ่งเป็นคนหลากหลายสัญชาติ ไม่เหมือนกับจีนที่เมื่อคัดกรองทำประวัติเสร็จ ทางการจีนสามารถส่งเครื่องบินมารับได้ ทั้งนี้รัฐบาลไทยได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อคัดกรองและแยกสัญชาติของกลุ่มคนเหล่านี้เพื่อแจ้งประเทศนั้น ๆ ต่อไป

ADVERTISMENT

รมว.กลาโหมรายงานอีกว่า นับจากนี้จะติดตามการปฎิบัติงานในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในภาคเหนือของไทย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับประเทศลาว ส่วนที่ประเทศกัมพูชา ขณะนี้ได้รับการประสานงานจากรัฐบาลกัมพูชา และการออกกวาดล้างจับกุม ซึ่งได้รับความร่วมมือที่ดีระหว่างสองประเทศ และจะนำมารายงานในที่ประชุม ครม.ต่อไป

ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ รายงานว่าขณะนี้ได้ดำเนินการในส่วนของการตัดสัญญาณสื่อสารที่ผิดกฎหมายในทุกแนวชายแดนที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่แล้ว และยังได้สั่งการให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งของรัฐและเอกชนร่วมกันตรวจสอบ พร้อมทั้งลดความสูงของเสาส่งสัญญาณลง และหันสายอากาศกลับเข้ามาในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังจัดรถสายตรวจเพื่อสแกนความถี่โทรศัพท์มือถือที่ใช้ หากเป็นสัญญาณต่างประเทศเข้ามาในประเทศประเทศไทยก็จะบล็อกสัญญาณทันที

ADVERTISMENT