ภูมิธรรมลั่น ดีเอสไอลุยสอบ สว. คดีอั้งยี่ 6 มี.ค. รู้ชัดรับคดีพิเศษหรือไม่

ภูมิธรรม เวชยชัย
ภูมิธรรม เวชยชัย

“ภูมิธรรม” แจงเหตุเลื่อนลงมติรับคดีฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษ เป็นวันที่ 6 มีนาคม รอให้ประธาน กกต.ชี้แจงจะรับคดีเลือกตั้งไปทำเองหรือไม่ ส่วนคดีอั้งยี่ ซ่องโจร ดีเอสไอมีอำนาจสอบเอง

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) แถลงภายหลังการประชุม กคพ.ว่า ดีเอสไอนำเรื่องประเด็นตรวจสอบกระบวนการคัดสรรสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เดิมมีผู้มาร้องเรียนและทางดีเอสไอทำเรื่องประสานงานกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งทาง กกต.ได้ส่งเรื่องมายังดีเอสไอ ว่าขอให้ดีเอสไอดำเนินการสอบสวน แต่เป็นการส่งเรื่องในระดับเลขาธิการ ไม่ใช่ระดับคณะกรรมการโดยตรง

ซึ่งตอนที่รับเรื่องมาเราก็ไม่ได้ดูรายละเอียด กกต.ขอให้เราดำเนินการก็ดำเนินการ หลังการสอบสวนเห็นว่าคดีน่าจะมีมูลและมีรูปธรรมความผิดที่น่าจะสืบสวนสอบสวนให้แจ้งชัด ให้เป็นที่ประจักษ์โดยที่ดำเนินการต่อ หลังจากดำเนินการต่อเรียบร้อยแล้ว ส่งเรื่องไปยัง กกต.ว่า เราดำเนินการชัดเจนแล้ว แต่เลขาธิการ กกต.ได้แจ้งมายังดีเอสไอว่ายังไม่ได้รับเรื่อง ทั้งที่ตอนแรกทำหนังสือมาให้ดีเอสไอพิจารณา

เท่าที่ดู กกต.รับดำเนินการเฉพาะคดีเลือกตั้ง ส่วนคดีอาญา กกต.ไม่ได้ดำเนินการ ดังนั้น ในการประชุม กคพ.วันนี้มีความเห็นที่หลากหลาย ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ส่วนใหญ่เห็นว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับคดีอาญา ฐานฟอกเงิน เข้าข่ายฐานความผิด อั้งยี่ ซ่องโจร ที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ยังมีปัญหาถกเถียงและอยากให้รอบคอบ เพราะมีเรื่องคดีเลือกตั้งซึ่ง กกต.ยังไม่ได้แจ้งชัดนัก และเลขาธิการ กกต.ก็บอกว่า กกต.ยังไม่มีมติเรื่องนี้ ทั้งที่ส่งเรื่องให้กับดีเอสไอ ดังนั้น ดีเอสไอจะต้องดำเนินการตรงนี้ให้ชัดเจนมากขึ้นเพื่อให้เสร็จสิ้นข้อสงสัย

และอีกประการหนึ่งคือคนที่แจ้งมายังดีเอสไอ คือ เลขาธิการ กกต.ยังไม่ใช่ตัวแทนคณะกรรมการ กกต.โดยตรง เกรงว่าจะไม่รอบคอบและมีปัญหาเรื่องนี้ได้ ที่ประชุมจึงให้ไปดำเนินการให้ครบถ้วน โดยเลขาธิการดีเอสไอเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีเร่งด่วนที่ กคพ.ต้องพิจารณาเป็นคดีพิเศษ แต่มีบางส่วนบอกว่ายังไม่ผ่านอนุฯกลั่นกรองมา

“ดังนั้น เมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของประเทศ และเป็นที่จับตาของประชาชน เราอยากทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน โปร่งใส ครบถ้วน รวดเร็ว จึงมีมติให้ถอนวาระนี้ออกไปให้อนุฯของดีเอสไอได้ดำเนินการครบถ้วนตามขั้นตอน เราขอเวลา 1 อาทิตย์ เพื่อไม่ให้สังคมรู้สึกว่าเรายื้อหรือไม่อยากทำ เพราะคดีนี้ได้คุยตั้งแต่ต้นแล้วว่าคดีนี้จะไม่เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือไม่ได้มีความรู้สึกดีหรือไม่ดีต่อกัน แต่เอาตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งคุยกันทั้งหมด อยากทำให้ครบถ้วน เพื่อไม่ให้มีข้อโต้แย้ง” นายภูมิธรรมกล่าว

ADVERTISMENT

นายภูมิธรรมกล่าวว่า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.จะกลับมาวันที่ 5 มีนาคม เราก็จะขอคุยด้วย และจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 6 มีนาคม โดยจะเชิญประธาน กกต.หรือผู้แทนที่มีอำนาจมาร่วมประชุมด้วย และวันนั้นจะเป็นวันที่มีมติสิ้นสุด

“โดยส่วนใหญ่ในฐานะที่เป็นประธาน กคพ.ได้ฟัง คดีเกี่ยวกับอั้งยี่ ซ่องโจร หรือคดีอาญาเป็นอำนาจที่เราทำได้อยู่แล้ว ไม่น่ามีปัญหา ส่วนคดีเลือกตั้งก็เอาให้เกิดความชัดเจนว่า กกต.จะทำหรือไม่ทำ เพราะเท่าที่ทราบได้ถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง คือ กกต.ทำเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา กกต.ยังไม่มีเวลา จึงจะถามให้ชัดเจนว่าจะเอาเรื่องนี้ในอำนาจหน้าที่ของ กกต.ไปทำ หรือให้ดีเอสไอทำในคดีเลือกตั้ง ถ้าให้เราทำเราพร้อมทำทั้งหมด แต่ถ้า กกต.จะขอไปทำเอง ดีเอสไอก็จะเอาคดีอาญาที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการเอง และวันที่ 6 มีนาคมจะชัดเจนทั้งหมด” รองนายกฯกล่าว

ADVERTISMENT

ผู้สื่อข่าวถามว่า สว.พยายามทำให้สังคมเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง นายภูมิธรรมกล่าวว่า “ไม่มีเรื่องการเมืองหรอกครับ เราพูดชัดเจนแม้กระทั่งพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าคนไหนมีการกระทำที่เชื่อได้ว่ากระทำผิด มีแนวโน้ม ข้อสงสัยก็ต้องว่าไปดำเนินการ หลักการคือพรรคร่วมรัฐบาลร่วมกัน ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่มาปกปิดความผิดที่เกิดขึ้น ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบไปตามนั้น”

เมื่อถามว่า สว.ขู่ฟ้องจะเป็นการกดดัน กคพ.หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่กดดัน เราบอกเลยว่าเราไม่ได้มุ่งแก้แค้นใครด้วยอารมณ์ส่วนตัว และขณะนี้ไม่ได้ชี้ว่าผิดอย่างไร อำนาจอยู่ที่ศาล ดีเอสไอทำหน้าที่สอบสวน เมื่อปรากฏต่อข้อกฎหมายมีเราก็จะแนบไป การที่จะพิจารณาถูกต้องหรือไม่อยู่ที่ศาล เราทำหน้าที่ ถ้าไม่ทำเราก็มีความผิดเหมือนกัน

“เรื่องนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบันหลักของชาติ คือสถาบันนิติบัญญัติ เราจึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง ไม่ใช่ใช้อำนาจฝ่ายบริหารไปแทรกแซง และต้องกราบเรียน สว.ทุกท่าน ในฐานะประธาน กคพ. เมื่อมีผู้ร้องมา และมีหลักฐานบางส่วนซึ่งเราได้เห็นบ้าง น่าจะเอาเรื่องนี้พิจารณา ส่วนถูกผิดอย่างไร เราอยากให้ศาลเป็นผู้พิจารณา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความรู้สึกพอใจไม่พอใจ เพราะเพื่อนผมใน สว.ก็มีหลายคน แต่เรื่องนี้เราทำตามหน้าที่ ผมกับใครก็ตาม ผมไม่อยากทะเลาะด้วย ยกเว้นในเรื่องหลักการและกฎหมาย”

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและนายเนวิน ชิดชอบ นัดหารือกันเพื่อเคลียร์เรื่องดังกล่าว นายภูมิธรรมกล่าวว่า แยกคนละเรื่อง เรื่องคดีก็คือเรื่องคดี ส่วนเรื่องทางโน้นจะมีใครนัดหมายไม่นัดหมาย ผมบอกว่าผมไม่ทราบ ผมไม่เคยได้ยิน ส่วนใหญ่ให้พรรคการเมือง ให้เลขาธิการพรรคไปคุยกัน เช่นเรื่องดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล