
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ
หลายนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ได้รับการสานต่อโดยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร และกำลังออกดอก-ผล
เช่น การดึงบิ๊กเทครายใหญ่ของโลกมาลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ มูลค่ารวมหลายแสนล้านบาท
ขณะเดียวกัน ยังมีอีก 2 โปรเจ็กต์ใหญ่ที่คิกออฟในรัฐบาลเศรษฐา คือแลนด์บริดจ์และเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
“เศรษฐา” อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้สัมภาษณ์ “เครือมติชน” ว่า ทั้ง 2 โครงการจะเป็น “โอกาสทอง” ในการปลุกเศรษฐกิจของไทย และจะเปลี่ยนเกมทางเศรษฐกิจ
เปิดที่มาคอมเพล็กซ์
โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เริ่มต้นในรัฐบาลเศรษฐา ที่มาของแนวคิดนี้คืออะไร “เศรษฐา” ตอบว่า
ความจริงมีแนวคิดนี้มาหลายรัฐบาลแล้ว เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า เศรษฐกิจสีเทามีขนาดค่อนข้างใหญ่มาก รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ก็เคยมีดําริว่า เราจะทําอย่างไรที่จะเอาเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมาอยู่บนดินได้ จัดระบบระเบียบให้ถูกต้อง เก็บภาษีให้เหมาะสม ซึ่งเป็นแนวคิดมาหลายรัฐบาล
แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ตอนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กับผมเป็นแคนดิเดตนายกฯ เรามีการพูดคุยในวงเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยว่า เรื่องการเอาเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมาอยู่บนดินเป็นเรื่องที่เราต้องทํา ถือเป็นเมกะโปรเจ็กต์ ต้องให้มีความโปร่งใสว่า ไม่ใช่ว่ามีเอกชนรายใดรายหนึ่งที่จะได้ผลประโยชน์จากการที่เอาที่ดินของเขามาทํา
หลักการแรกคือ ตอนที่ผมเป็นนายกฯ เราคิดว่าเราจะเอาที่ของรัฐบาล เช่น ท่าเรือคลองเตย ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐบาล ไม่ได้มีเอกชนรายใดรายหนึ่งที่จะได้รับประโยชน์โดยตรง ซึ่งที่ดินแถวนั้นมีประมาณ 3,000 ไร่ และก็อาจจะมีภูเก็ต พัทยา กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีกี่ที่ ต้องคอยทางรัฐบาลตัดสินออกมา
แต่เรื่องของเมกะโปรเจ็กต์เป็นเรื่องที่สําคัญ ในหลักการที่เราคิดคือ ถ้าจะมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีครบวงจรจริง ๆ และมีกาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ควรจะมีพื้นที่ทํากาสิโนประมาณแค่ 5-10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นอะไรก็คงแล้วแต่ทําเลที่ตั้ง
เช่น ถ้าเป็นที่ภูเก็ตก็อาจจะมีท่าเรือ ถ้าเป็นกรุงเทพฯ ก็อาจจะมีพิพิธภัณฑ์ อาจจะมีอินดอร์สเตเดียม อาจจะมี Man-Made สกีรีสอร์ต เหมือนที่ดูไบ มีโรงแรม สํานักงาน ตรงนี้เป็นการที่เราจะสร้าง Infrastructure ขึ้นมา เพื่อให้ประเทศได้รับผลตอบรับที่ดีที่สุด
ถ้าเราสามารถระบุไว้ในทีโออาร์ที่จะให้คนมาลงทุนทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้ ว่าคนที่มาลงทุนตรงนี้จะต้องทําอะไรบ้าง ต้องมีโรงแรม ต้องมีโรงละคร ต้องมีสเตเดียมอินดอร์ ต้องมีสํานักงาน จะเป็นการสร้างงาน สร้าง Infrastructure Project ขึ้นมา เพื่อจะรองรับภาคส่วนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว เรื่องการจัดอีเวนต์ใหญ่ ๆ ปัจจุบันนี้เมืองไทย ขนาดเราไม่มีสเตเดียมที่เป็นเวิลด์คลาส แต่ก็ยังมีอีเวนต์ใหญ่ ๆ บ้าง ก็แสดงว่าเมืองไทยยังมีเสน่ห์
แต่ลองคิดดูว่า ถ้าเรามีสเตเดียมที่เป็นอินดอร์ หลังคาเปิด-ปิดได้ พื้นสามารถหมุนเข้าหมุนออกเป็นหญ้าหรือเป็นเวทีได้ และสามารถดึงดูดอีเวนต์ต่าง ๆ ให้เข้ามา ก็จะเป็นรายได้ที่สําคัญของประเทศ ตอนที่ผมเป็นนายกฯ และรัฐบาลนี้ก็ยังให้ความสําคัญต่อเนื่อง สำหรับการจัดเวิลด์คลาสอีเวนต์ เอาคอนเสิร์ตใหญ่ ๆ เข้ามา และดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาด้วย แต่ถ้าเราไม่มีสถานที่จัด มันก็ลําบาก
ไม่อยากโฟกัสแค่กาสิโน
สำหรับเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร สมัยก่อนจะมีลาสเวกัสและมาเก๊า ในส่วนของลาสเวกัส คนมองว่าเป็นแค่กาสิโน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย มันเป็นสถานบันเทิงครบวงจรที่คนไม่เล่นการพนันไปเยอะกว่าคนเล่นการพนัน แต่ละโรงแรมใหญ่ ๆ มีโชว์ระดับโลก เช่น โรงแรมเบลลาจิโอ สร้างโรงละครขึ้นมา เพื่อจะเล่นโชว์กายกรรมโดยเฉพาะ ซึ่งมีมา 25 ปีแล้ว สมัยก่อนค่าดู 100 เหรียญ
วันนี้ขึ้นเป็น 300 เหรียญ ที่นั่งมีเกือบ 2,000 ที่นั่ง ค่าลงทุนเมื่อ 25 ปีที่แล้ว 30 กว่าล้านเหรียญ เดี๋ยวนี้ปีหนึ่งได้รายได้ 7-9 ล้านเหรียญ ซึ่งมันคุ้มทุนไปแล้ว
โชว์ไปดูวันนี้ หรือดูเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ก็โชว์เดิม ๆ แต่มีความแปลกใหม่คือ เวทีเป็นพื้นธรรมดา แต่เปลี่ยนเป็นสระน้ำได้ ซึ่งลงทุนสูง แต่เพราะเป็นโชว์ที่ได้รับการยอมรับที่สูงมาก 25 ปีผ่านไปก็ยังมีคนไปดูอยู่ ยังทำเงินได้อยู่ คนที่เดินทางไปดูโชว์เหล่านี้โดยเฉพาะมีหลายหมื่นคน ฉะนั้น จึงไม่อยากให้โฟกัสแค่กาสิโน แต่อยากให้โฟกัส Man-Made Destination (แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น) ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุน
แน่นอนจํานวนนักท่องเที่ยวก็มีความสําคัญ แต่การใช้จ่ายต่อบุคคลก็มีความสําคัญ ระยะเวลาในการอยู่ก็มีความสําคัญ คนไปอิตาลี สเปน ฝรั่งเศส เขาไปครั้งหนึ่งอยู่กัน 7-10 วัน แต่คนมาเมืองไทยเฉลี่ยช่วงเวลาพำนัก ประมาณ 2 วันครึ่ง 3 วันเท่านั้นเอง ซึ่งมันไม่ยาวพอ ถ้าเราเอาแค่ 35.5 ล้านคน เพิ่มระยะเวลาที่เขาอยู่ จาก 3 วัน เป็น 7 วัน ผมคิดว่ารายได้เข้าประเทศอีกมโหฬาร และมันก็ไม่เป็นภาระที่เราต้องขยายสนามบินให้ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ โดยเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเข้ามาและอยู่นานขึ้น จับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น
แน่นอน โบราณสถานต่าง ๆ สตรีตฟู้ด ภูเก็ต พัทยา เป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ แต่ถ้าเรามีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ด้วย มีเวิลด์คลาสอีเวนต์ มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ใหม่ มีการสร้างสกีรีสอร์ตใหม่ นักท่องเที่ยวก็จะอยู่นานขึ้น อยากให้เราโฟกัสตรงนี้ด้วย เราไม่ทําแค่กาสิโนอย่างเดียว เราทําอย่างอื่นด้วย
มั่นใจปัญหาสังคมลดลง
อีกเรื่องหนึ่งที่เราพูดน้อย คือเรื่องของปัญหาสังคมที่จะเกิดตามมา การที่เรามีกาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมายจะเป็นการมอมเมาหรือเปล่า ตอนที่ผมเป็นนายกฯ ต้องยอมรับว่าเราพูดน้อยเกินไป มาตรการที่เราจะมาดูแล หรือกฎกติกาที่จะให้คนไทยเข้าไปเล่นกาสิโนได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินฝาก เรื่องค่าเข้า เรื่องการมอมเมา เรื่องการตรวจเช็กว่าเข้ามาบ่อยขนาดไหน ครอบครัวเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย มีการมอนิเตอร์อย่างใกล้ชิดหรือเปล่า ซึ่งผมเชื่อว่ากําลังมีการร่างมาตรการอยู่ ซึ่งเราต้องพูดตรงนี้ให้เยอะขึ้น เพื่อให้สังคมมีความสบายใจ
ภาษีที่เราจะเก็บได้มันเป็นผลพลอยได้ที่จะตามมา ปัญหาสังคมลดน้อยลง ทั้งเรื่องอาชญากรรม เรื่องมาเฟียต่าง ๆ และอีกอย่างหนึ่งซึ่งผมไม่เข้าใจที่บอกว่า ถ้ามีบ่อนที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว มีสถานบันเทิงครบวงจรแล้ว จะมีทุนจีนสีเทาเข้ามาเยอะ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเข้ามาได้อย่างไร
ถ้าเราทําเป็นเสรีจริง ๆ มีการประมูลที่ถูกต้อง มีการให้บริษัทใหญ่ ๆ ที่อยากจะมาลงทุน ซึ่งบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง มีสถานภาพทางด้านการเงินที่แข็งแกร่ง ตรวจสอบได้ เชื่อว่าคนเล่นก็จะให้ความไว้วางใจมากขึ้น ควบคู่กับกฎที่เราจะออกมาควบคุมเรื่องพฤติกรรม เรื่องของการดูแลสังคม หลายคนกังวลเรื่องทุนจีนสีเทา เรื่องการฟอกเงิน ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้เลย ปัจจุบันนี้มันมีการฟอกเงินอยู่แล้วผ่านบ่อนที่อยู่ใต้ดิน ถ้าเราเอาขึ้นมามันก็จะควบคุมได้ น้อยลงหรือหายไป
แลนด์บริดจ์ โปรเจ็กต์ระดับโลก
ส่วนโครงการแลนด์บริดจ์เป็นอีกหนึ่งเมกะโปรเจ็กต์ที่สำคัญ ตอนที่ผมดํารงตําแหน่งนายกฯ มีการพูดคุยกับนักลงทุนหลายราย ฉะนั้น เชื่อว่ารัฐบาลเดินหน้าได้เต็มที่อย่างต่อเนื่อง ต้องยอมรับว่าการค้าโลกมีความสําคัญมาก มีการแข่งขันสูง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องปัญหาของภูมิรัฐศาสตร์ ปัจจุบันถ้าพูดถึงช่องทางในการขนถ่ายสินค้า ช่องแคบมะละกาที่ผ่านสิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นช่องแคบที่สําคัญมาก มีเรือขนถ่ายสินค้าที่เข้าคิวเข้าช่องแคบมะละกาเยอะมาก ฉะนั้น การที่เราจะสร้างแลนด์บริดจ์ ซึ่งจะประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย มีผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจชัดเจน คิดว่าคุ้ม ไม่งั้นคนคงไม่ขอลงทุนแน่นอน
จุดยืนทางด้านภูมิศาสตร์ของประเทศไทยคือ มีความเป็นกลาง เราเป็นมิตรกับทุกประเทศ ทุกคนมีความสบายใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทย เราให้ความเป็นธรรมกับทุก ๆ ประเทศ ไม่ได้ฝักใฝ่หรือลําเอียงเข้าข้างประเทศใดประเทศหนึ่ง เรามีมาตรการทางด้านภาษี มีโรงเรียนนานาชาติที่ดี มีโรงพยาบาลที่ให้บริการกับนักลงทุนต่างประเทศที่เหมาะสม มีท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่รองรับการส่งออกได้อย่างดี ถ้าเรามีแลนด์บริดจ์ที่เชื่อมและลดค่าใช้จ่ายในการที่จะขนถ่ายสินค้าไปทั่วโลกได้ ก็จะเชื้อเชิญนักลงทุนมาได้ด้วย
การที่เรามีเมกะโปรเจ็กต์ใหญ่ระดับโลก ซึ่งควบคุมโดยคนไทย ควบคุมโดยรัฐบาลไทย ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย มันจะเป็นเครื่องมือในการปกป้องประเทศไทยด้วย เราจะกลายเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของเอเชีย เช่น ถ้ามีการทะเลาะกันเกิดขึ้น จีนสบายใจว่าเราจะไม่เข้าข้างสหรัฐ สินค้าจีนจะไปทั่วโลกได้ สหรัฐก็สบายใจว่า สินค้าของสหรัฐก็จะมาได้ มันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และทําให้เราแข็งแกร่ง ผมคิดว่าหลายอย่างเราได้เปรียบประเทศเพื่อนบ้านเยอะ
เวลาบริษัทจะมาลงทุนประเทศไทย เขาไม่ได้ดูแค่มาตรการทางด้านภาษี ไม่ได้ดูแค่ว่าเรามีท่าเรือหรือมีแลนด์บริดจ์ เขาดูความเป็นอยู่ที่เขาจะต้องดูแลพนักงานของเขาด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล เรื่องค่าครองชีพที่เหมาะสม โรงเรียนนานาชาติ เรื่องของโลจิสติกส์ฮับ เรามีสนามบินระดับ Top 20 ของโลก ซึ่งมีความสะดวกสบายในการเดินทาง
ชูสวิตเซอร์แลนด์เอเชีย
ผมเชื่อว่าสงครามปัจจุบันนี้ที่มันหนักหนากว่า คือสงครามการค้า การที่เราสร้าง Infrastructure Megaproject ระดับโลกขึ้นมาในแลนด์บริดจ์ ทําให้เราเป็นตัวเลือกที่สําคัญที่คนอยากเป็นมิตรกับเรา และไม่อยากให้เราถูกทําร้าย เพราะการที่เขาต้องพึ่งเมกะโปรเจ็กต์เหล่านี้ ถือเป็นเรื่องที่สําคัญ ถ้าเกิดเรามีความเป็นกลาง เรามีความเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของเอเชียได้ ทุกคนก็อยากจะมาใช้บริการ
และไม่อยากให้ประเทศไทยต้องถูกเป็นเป้าในการโจมตีของประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะบริษัทต่าง ๆ ที่มาตั้งโรงงานที่นี่ หรือต้องการใช้ทางผ่านตรงนี้ ถือว่ามีความสําคัญกับเศรษฐกิจของเขา
ฉะนั้น นี่ถือเป็นยุทธศาสตร์สําคัญที่เราจะพัฒนาประเทศเราเข้าไปอยู่ในเวทีโลก โดยที่เรามีบทบาทสําคัญ สามารถยืนอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี และเป็นที่หมายปองในการลงทุนของหลาย ๆ ประเทศ