
อนุทินปัดเอี่ยวดีลลับบ้านจันทร์ส่องหล้า ทำ กคพ.รับคดีฮั้ว สว.ในความผิดฐานฟอกเงิน มั่นใจ ‘พล.อ.เกรียงไกร’ ไม่เป็นอั้งยี่ซ่องโจร ก่อนปล่อยโป๊ะเรียกลงมาให้สื่อสัมภาษณ์
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ปฏิเสธให้ความเห็น ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีฮั้ว สว.ในความผิดฐานฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ ว่า เรื่องนี้ถามตนก็ผิดแล้ว ต้องไปถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มติออกมาเป็นอย่างไรก็ตามนั้น
ส่วนจะส่งผลต่อการทำหน้าที่ของ สว. และการทำงานร่วมกันของรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกันเลย ขออย่าไปผูกกัน ใครที่เกี่ยวข้องก็มีวิธีการสอบสวน คนที่ถูกกล่าวหาก็ไปแก้ข้อกล่าวหา แก้ได้ก็ไม่มีปัญหา แก้ไม่ได้ก็ผิดแค่นั้นเอง หากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ไม่สอบ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และตำรวจก็ทำหน้าที่สอบ มีกฎหมายอยู่แล้ว
ส่วนจะทำให้เกิดการชะงักในการทำหน้าที่ของ สว.หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนไม่ทราบขั้นตอนระเบียบเรื่องพวกนี้ และไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย และ 4 กระทรวงที่ตนกำกับดูแล ต้องไปถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
เมื่อถามย้ำว่าจะมีผลต่อการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เนื่องจากการผ่านกฎหมายต้องใช้เสียงของ สว. นายอนุทินย้ำว่าไม่เกี่ยวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร สว.เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ถ้ามีคนสงสัย กฎหมายเขียนไว้อยู่แล้ว ที่มาของการเลือกตั้งเป็นอย่างไร โดยหลักต้องเป็นหน้าที่ของ กกต. แต่ที่ได้รับข่าวมาวันนี้ก็ไม่เกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง เรื่องฟอกเงินก็ต้องไปดูเรื่องการสืบสวนสอบสวน
นายอนุทินยังระบุอีกว่า ที่ผ่านมามีการวิเคราะห์ว่าจะเกิดปัญหา นักวิเคราะห์ทั้งหลายวิเคราะห์ผิดหมด บางครั้งตนก็ดูสื่อโซเชียลวิเคราะห์ผิดแทบทุกช่อง ก่อนที่นายอนุทินจะหัวเราะนักวิชาการทั้งหลายวิเคราะห์ไม่เห็นตรงสักเรื่อง บทวิเคราะห์ผิด ๆ มาแพร่ในสื่อมันไม่เป็นผลดี
เมื่อถามว่า ที่ดีเอสไอไม่รับคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ เป็นเพราะดีล 4 ผู้ทรงอิทธิพลเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบขึ้นมาทันทีว่า นี่แหละ ก็หลอกถามอยู่นั่นแหละ เกี่ยวอะไร ตนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ สว. พูดไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ไม่รู้จะตอบอย่างไรแล้ว ถามว่าตนมีเพื่อนเป็น สว.ไหม เพียบ สมัยก่อนไปประชุมสภาเบื่อกินข้าวกับ สส. ก็เดินข้ามไปกินข้าวกับ สว. วันนี้ไม่กล้าไปกินแล้ว เดี๋ยวหาว่าไปยุ่งวุ่นวาย ทำให้ทุกอย่างเดือดร้อน ทุกวันนี้ต้องไปหาข้าวกินริมคลองหลอด
ส่วนหลังจากนี้ไปจะต้องระวังตัวในการพบกับ สว.ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้ระมัดระวังตัว แต่เดี๋ยวจะมีวิเคราะห์อีก วิเคราะห์ผิดตนก็ซวย ช่วงนี้กำลังมีเรื่องร้อนอยู่ ไม่ต้องไปดีกว่า
ส่วนได้มีการโทรศัพท์หา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา เพื่อให้กำลังใจแล้วหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าโทรศัพท์คุยกันทุกวัน ไม่ต้องให้กำลังใจ มั่นใจ ประวัติการทำงานของ พล.อ.เกรียงไกรไม่เป็นอั้งยี่ซ่องโจร ใครพูดอะไรก็แล้วแต่ ไม่เชื่อเด็ดขาด ตนก็ต้องมั่นใจเพื่อนของตน
ส่วนที่กลุ่ม สว.ยื่นเอาผิดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าตนไม่เคยถาม และถามไม่ได้ ถ้าถามไปจะถูกถามว่ามายุ่งอะไร เนื่องจากมีขั้นตอนและกระบวนการอยู่แล้ว
ขณะนี้เหมือนต่างคนต่างกล่าวหากันแล้ว ก็ว่ากันไป มีหน่วยงานที่ชี้แจงอยู่แล้ว แต่อย่ามายุ่งกับรัฐบาล ก่อนตัดพ้อสื่อว่า เวลาตนพูดถึงเรื่องความชัดเจนก็ไม่เคยลงข่าว ตนเป็นคนแรกที่ออกมาพูดให้ความมั่นใจกับทุกฝ่ายว่าภูมิใจไทยพร้อมสนับสนุนรัฐมนตรีทุกคน ก่อนที่จะรู้ญัตติว่าจะอภิปรายนายกฯ คนเดียว ก่อนย้ำว่าอย่าให้ผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และยิ่งอภิปรายนายกรัฐมนตรีคนเดียวก็ยิ่งแสดงความให้เห็นถึงความสามัคคีของพรรคร่วม และพรรคร่วมรัฐบาลก็พร้อมที่จะชี้แจงหากถูกพาดพิง แสดงถึงความเป็นปึกแผ่นและมั่นคงของรัฐบาล โดยขอให้รอดูตอนลงมติ ซึ่งมั่นใจว่านายกฯ จะชี้แจงได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าสบายใจที่ดีเอสไอไม่รับคดีฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษ นายอนุทินกล่าวว่าเป็นธรรมดา เพราะเป็นพรรคพวกเพื่อนฝูงกัน
โดยระหว่างที่นายอนุทินให้สัมภาษณ์ มีหญิงสูงวัยชื่อนางสมนึก ธิลาลักษณ์ มาร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องบัญชีธนาคารออมทรัพย์แห่งหนึ่ง ซึ่งนางสมนึกได้มาร้องเรียนที่กระทรวงมหาดไทยเป็นประจำ โดยนายอนุทินได้พานางสมนึกไปยังศูนย์ดำรงธรรม และให้เจ้าหน้าที่รับเรื่องไว้ และระหว่างนั้นนางสมนึกได้ร้องเพลงให้นายอนุทินฟังด้วย
ขณะเดียวกัน ก่อนที่นายอนุทินจะเดินขึ้นห้องทำงาน ได้บอกกับสื่อมวลชนว่า พล.อ.เกรียงไกรอยู่ด้านบน ให้สื่อไปสัมภาษณ์ และได้เรียก พล.อ.เกรียงไกร มาให้สัมภาษณ์ในประเด็นดังกล่าวด้วย
จากนั้น พล.อ.เกรียงไกรจึงเดินมาทักทายสื่อและให้สัมภาษณ์ถึงมติของที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) หลังรับพิจารณาคดีฮั้ว สว.ในความผิดฐานฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ ว่าตนยังไม่ได้ทราบรายละเอียด เพราะช่วงเช้าเดินทางไปเยี่ยมกองทัพบก และกำลังเดินทางไปที่จังหวัดลพบุรี ต้องดูก่อนว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร ตอบไปกลัวจะผิดถูก และ สว.ก็ยังไม่ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกัน เพราะตนติดภารกิจกับกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารและความมั่นคงฯ สว.ตั้งแต่เช้า
จากนั้นตนก็ได้แวะมาที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อมาสอบถามนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าจะฝากอะไรหรือไม่ เพราะตนจะไปตรวจเยี่ยมหน่วยทหารที่ลพบุรี
ส่วนโล่งอกหรือไม่หลังคณะกรรมการคดีพิเศษไม่รับความผิดฐานอังยี่ซ่องโจร ในการเลือกตั้ง สว.เป็นคดีพิเศษ แต่รับเรื่องฟอกเงิน พล.อ.เกรียงไกรระบุว่า อย่างไรก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ และตนก็โล่งตั้งแต่แรกแล้ว กฎหมายกำหนดว่าอย่างไรเราก็ต้องทำอย่างนั้น
เมื่อถามว่าข้อกล่าวหาฐานฟอกเงินนั้นรุนแรงไปหรือไม่ พล.อ.เกรียงไกรกล่าวว่าตนไม่ทราบ เพราะไม่รู้ว่าเขากล่าวหาใครบ้าง ยังไม่มีรายละเอียดออกมา ซึ่ง สว.ทุกคนก็มีที่ปรึกษาทางกฎหมาย และนอกจากนี้ยังมีสำนักกฎหมายของวุฒิสภาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า เหนือความคาดหมายหรือไม่ที่ กคพ.ไม่รับฐานความผิดอั้งยี่ซ่องโจรเป็นคดีพิเศษ พล.อ.เกรียงไกรตอบทันทีว่า ไม่เหนือความคาดหมาย จะรับหรือไม่รับก็ไม่เป็นไร
ส่วนมติ กคพ.ออกมาอย่างนี้จะทำให้ความเข้มข้นในการยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบจริยธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีดีเอสไอเบาลงหรือไม่ พลเอกเกรียงไกรกล่าวว่า ก็ยื่นไปแล้วจะดึงกลับได้อย่างไร หากสมาชิกคนไหนถูกเรียกไปไต่สวนก็ต้องว่ากันไป
เมื่อถามว่าวันนี้มาที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นวอร์รูมมารอติดตามผลการประชุมของ กพค.ใช่หรือไม่ พล.อ.เกรียงไกรกล่าวว่า ไม่ (ซ้ำกันหลายครั้ง) ตนแวะมา เพราะปกติก็จะขอมาทานข้าวบ้างอยู่แล้ว
เมื่อถามต่อว่า ภายในหนึ่งสัปดาห์มารับประทานอาหารเที่ยงที่กระทรวงมหาดไทยกี่ครั้ง พล.อ.เกรียงไกรระบุบางทีเดือนนึงก็ไม่เคยมา ถ้าภารกิจว่างตนถึงมา วันนี้จะไปลพบุรีจึงแวะมา
ภายหลังให้สัมภาษณ์เสร็จ พล.อ.เกรียงไกรยังกล่าวหยอกล้อกับสื่อ ว่าสื่อชอบหลอกสัมภาษณ์ตนอยู่เรื่อย ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่า นายอนุทินเป็นคนบอกว่า พล.อ.เกรียงไกรมา ให้ไปสัมภาษณ์
พล.อ.เกรียงไกรจึงกล่าวต่อ ตนไม่ได้บอกนายอนุทินก่อนว่าจะมาขอแวะกินข้าว แล้ววันนี้เป็นวันพระ ตนไม่ทานเนื้อ แต่จะกินมังสวิรัติกับท่าน และจะไปงานต่อ ก่อนจะบอกว่าที่ตนไม่ค่อยรับโทรศัพท์จากสื่อหลายสาย เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร กลัวว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่รู้เมื่อไหร่จะปราบเสร็จ
สื่อจึงบอกว่า ก็ “รออยู่” ทำให้ พล.อ.เกรียงไกรถามกลับต่อว่า “รอใคร.. ก็ไปคดีพิเศษสิ”