ทวี เผย ดีเอสไอมีพยาน 7 พันคน พบเส้นเงิน 500 ล้าน ฮั้วเลือก สว.

ทวีมั่นใจ กกต.ร่วมมือสอบคดีฮั้ว สว. ชี้ดีเอสไอมีพยาน 7,000 คน ให้การ พบเส้นเงิน 400-500 ล้าน คนจ่ายเงิน 20 คน

ที่รัฐสภา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงมติที่คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) 11 เสียง รับคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษฐานความผิดฟอกเงิน ว่าสามารถทำได้ เพราะจากการสอบสวนพยานสามารถเชื่อได้ว่ามีเงินสะพัดในการเลือก สว.ครั้งนี้กว่า 300 ล้านบาท มูลค่าเข้าข่ายเป็นการฟอกเงิน ซึ่งดีเอสไอสามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่ง

จึงไม่จำเป็นต้องพิจารณาความผิดเรื่องการจ้างให้ดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อั้งยี่ ซ่องโจร และความผิดฐานยุยงส่งเสริมไม่ให้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ หรือการครอบงำอำนาจนิติบัญญัติ เพราะหากสืบสวนสอบสวนความผิดฐานฟอกเงิน และพบการกระทำที่เข้าข่ายความผิดเหล่านี้ รวมถึงความอาญาที่เกี่ยวข้อง กฎหมายก็ให้ถือเป็นคดีพิเศษไปได้เลย

เมื่อถามว่าหลักฐานอะไรที่ทำให้เชื่อได้ว่ามูลค่าเงินเกิน 300 ล้านบาท พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า มูลฐานความเชื่อได้ว่า เช่น การออกหมายจับของศาล เขาให้ใช้หลักฐานพอสมควร กรณีนี้ใช้เกณฑ์ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาในการออกหมายจับของศาลฎีกา ที่บางครั้งใช้บันทึกสายลับ ไม่ได้มีการสอบพยานเลยก็ออกหมายจับได้

พ.ต.อ.ทวีกล่าวต่อว่า ดังนั้น ในคดีนี้มีพยานยืนยันว่ามีการใช้เงิน 400-500 ล้านบาท โดยการจ่ายเงินเป็นช่วง ๆ เมื่อมีพยานจึงถือมูลฐานอันเชื่อได้ว่า ที่ประชุมจึงมีมติรับเป็นคดีพิเศษตามกฎหมายฟอกเงิน ส่วนความผิดฐานอั้งยี่ การได้มาซึ่ง สว. หรือการฮั้ว และความผิดอื่น ๆ เช่น ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 (3) ที่มีการร้องทุกข์ไว้ หากมีความเชื่อมโยงก็ให้ถือเป็นคดีพิเศษ

โดยตอนนี้ดีเอสไอมีพยานประมาณ 7,000 คน ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าไปในพื้นที่การเลือก สว.ระดับประเทศ ที่เมืองทองธานีถึง 3,000 คน เราก็จะดูพยานหลักฐานนี้ โดยได้ส่งหนังสือขอให้พนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์และพิสูจน์ความผิด โดยได้ให้นโยบายดีเอสไปแล้ว จะต้องใช้เวลารวบรวมหลักฐานไม่เกิน 3 เดือน เพราะเขาสอบมานานแล้ว

ADVERTISMENT

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการใช้เงินจูงใจให้เลือกเข้าข่ายเป็นการซื้อเสียง ซึ่งอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตอนนี้ดีเอสไอพยายามล้วงลูก กกต.ด้วยการอ้างกฎหมายฟอกเงินหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่าไม่ใช่ มันเหมือนบริษัทหลบเลี่ยงภาษีก็มีความผิดหลายกรรม แต่นี่เป็นความผิดอั้งยี่ มีการสมคบกันกระทำการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ถือเป็นหนึ่งความผิดแล้ว

เมื่อถามว่าเป็นการเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อให้ได้คดีนี้มาอยู่ในมือใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่าไม่ใช่ มีผู้มาร้องทุกข์และมีการสืบสวน และจริง ๆ แล้ว กกต.เป็นฝ่ายมาขอให้เราทำ เราจึงต้องร่วมมือกับ กกต. และเมื่อพบพยานหลักฐานแล้ว กกต.ก็สามารถนำไปพัฒนาและใช้ในการยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อถอดถอนได้

ADVERTISMENT

“คิดว่าหลักฐานที่มีการจ่ายเงินน่าจะถึง 20 คน ถ้า กกต.ร่วมมือกัน ซึ่งตอนนี้ก็คิดว่าเขาร่วมมือเพราะเขาส่งหนังสือมา และเราไม่ได้ก้าวล่วงอำนาจเขาตราบใดที่เขายังไม่ยกเลิกดีเอสไอและตำรวจเข้าไปร่วมสืบสวนคดีฮั้วเลือก สว. เราก็พยายามรวบรวมพยานหลักฐานให้ เพราะอำนาจของ กกต. คือการเดินหน้าถอดถอนบุคคลที่ได้ซึ่งตำแหน่ง สว.โดยมิชอบ” พ.ต.อ.ทวีกล่าว

พ.ต.อ.ทวีกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนไม่กังวลกรณีที่ สว.ตอบโต้ด้วยการยื่นถอดถอนจากตำแหน่งฐานกระทำความผิดด้านจริยธรรมอย่างร้ายแรง และเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพราะเรื่องความยุติธรรมไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ล้วนมีความสำคัญเท่ากัน แต่เรื่องนี้หากเราพิจารณาให้ดีมันกระทบต่อความมั่นคงด้านนิติบัญญัติ อำนาจในการออกกฎหมายก็ได้รับผลกระทบ

“จึงอยากเรียนไปถึง สว. ถ้าผลสอบสวนออกมาแล้วท่านไม่ผิดก็จะได้สง่างาม ยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรู้สึกในการแก้ปัญหา จะใช้พยานหลักฐานเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลและรัฐมนตรี ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องของพนักงานสอบ อัยการ และผู้ทรงคุณวุฒิ มาร่วมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ซึ่งต้องทำอย่างรวดเร็ว” พ.ต.อ.ทวีกล่าว