
ณัฐพงษ์ ผู้นำฝ่ายค้าน ยอมตัดชื่อทักษิณ ออกจากญัตติไม่ไว้วางใจ แต่ขอเวลาอภิปราย 30 ชั่วโมง ประธานสภาเห็นด้วย หากอดีตนายกฯมาชี้แจงที่สภา ฝ่ายค้านก็ยินดี
ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมร่วมกับวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาว่า มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน และเชื่อว่ามีความก้าวหน้าที่ดีในการเจรจาพูดคุยระหว่างกัน ส่วนกรอบการปรับญัตติก็ต้องมีการปรับคำตามที่ประธานสภายอมที่จะบรรจุญัตติ เพียงแต่ว่าในรายละเอียดจะต้องมีการปรับคำอย่างไร ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยเจรจาเรื่องกรอบระยะเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะต้องรอการประชุมวิป 3 ฝ่าย ซึ่งจะมีการประชุมที่จะมีขึ้นในวันนี้ เวลา 16.00 น.
แต่กรอบชัดเจนที่พูดคุยกันเรื่องเวลาอย่างน้อยฝ่ายค้านควรจะได้รับไม่ควรต่ำกว่า 30 ชั่วโมง ส่วนจะกี่วันยังไม่ได้ข้อสรุปต้องรอดูรัฐบาลและ ครม.ใช้เวลาชี้แจงเท่าไหร่ แต่จากการหารือยืนยันตรงกันว่า เมื่อให้มีการปรับคำและให้การอภิปรายเดินหน้าได้ก็ต้องให้เวลาฝ่ายค้านอภิปรายเหมาะสมที่สุด
เมื่อถามว่าหากมีการเอาชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯออก ประธานจะไม่มีการเบรกการอภิปรายที่จะพูดถึงบุคคลภายนอกหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ในที่ประชุมสภาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ประธานสภาพูดชัดเจนว่าตราบใดที่สามารถบรรจุญัตติลงไปได้ การอภิปรายทุกอย่างสมาชิกสามารถอภิปรายได้อยู่แล้ว การพาดพิงถึงบุคคลภายนอกซึ่งทำได้ แต่หากเกิดความเสียหายก็รับผิดชอบเองไม่เกี่ยวกับประธาน เพราะประธานมีหน้าที่เพียงแค่ควบคุมความเป็นระเบียบเรียบร้อยในที่ประชุมเท่านั้น
เมื่อถามว่าก่อนหารือกับประธานสภา วิปรัฐบาลได้ส่งสัญญาณอะไรบ้างในเรื่องการพาดพิงถึงบุคคลภายนอกว่ามีขอบเขตอย่างไร นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องคุยกับวิป 3 ฝ่าย ซึ่งในวันนี้จะได้ข้อสรุปว่าตกลงแล้วเราจะคุยในเรื่องของการปรับคำตามที่ประธานสภาบรรจุไปพร้อม ๆ กับเรื่องของเวลา เพราะได้บอกไปแล้วว่ายินดีที่จะยอมปรับคำในญัตติ ขณะเดียวกันฝ่ายรัฐบาลก็ต้องให้เวลาเราในการอภิปรายอย่างเต็มที่ ขั้นต่ำจึงอยู่ที่ 30 ชั่วโมง
ซึ่งจากการที่พูดคุยกันกับประธานสภา ท่านเห็นด้วยกับเรา และเชื่อมั่นว่าเวลาที่ได้รับถ้าฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้ดี ก็เป็นภาพที่ดีกับฝ่ายค้าน แต่ถ้าฝ่ายค้านเตรียมเนื้อหาไม่ดีก็อาจจะเป็นภาพที่ไม่ดีกับฝ่ายค้านเอง ซึ่งตนเชื่อว่าความเป็นผู้ใหญ่ของประธานสภา ซึ่งเป็นผู้ที่คุยเรื่องกรอบคำและกรอบระยะเวลา ดังนั้นเมื่อเป็นดำริของประธานสภา เชื่อว่ารัฐบาลก็จะยอมรับ แต่ตนพูดแทนไม่ได้ต้องรอการประชุมร่วมกับวิป 3 ฝ่ายก่อน
ต่อข้อถามว่าการปรับคำเปลี่ยนจากคำว่านายทักษิณเป็นพ่อนายกฯหรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวว่า เรื่องรายละเอียดคำตนให้รายละเอียดให้ได้แค่ว่ามีการปรับคำแน่นอน เพื่อให้สามารถบรรจุญัตติได้ แต่เกี่ยวข้องกับการเจรจาเรื่องกรอบระยะเวลาในการอภิปราย ดังนั้นจะเป็นคำอะไรขอให้รอเวลา 16.00 น.วันนี้ เพื่อให้วิป 3 ฝ่ายได้คุยพร้อม และจะได้คำตอบพร้อมกันในเรื่องของคำ และกรอบระยะเวลา
“ยืนยันว่าตั้งแต่มีการพูดคุยกันเราไม่ได้เสียหลักการอะไรเลย ตอนประธานทำหนังสือคัดค้านมาก็บอกว่าปรับคำได้ โดยที่สาระสำคัญยังคงอยู่ และเมื่อช่วงเช้าประธานก็พูดในที่ประชุมและมีบันทึกว่าอภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอกได้โดยที่พวกเราต้องรับผิดชอบเอง เพราะฉะนั้นเมื่อประธานสภาพูดไว้ชัด ผมเชื่อว่าคำพูดของประธานสภาย่อมผูกมัดกับรองประธานสภาทุกคน เป็นคำวินิจฉัยที่คนที่ทำหน้าที่กำกับการประชุมต้องวางไว้เป็นหลักการเดียวกัน และประธานสภาก็ยอมรับในหลักการของเราที่เราไม่ได้เสียหลักการ เพียงแค่ปรับคำเล็กน้อย พวกเราก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อ” นายณัฐพงษ์กล่าวว่า
เมื่อถามว่าเมื่อปรับคำแล้วเนื้อหาที่ฝ่ายค้านเตรียมไว้ ซึ่งครอบคลุมบุคคลดังกล่าวถือว่าไม่ผิดแผนใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่าไม่ได้ผิดแผน เพราะที่พูดคุยกันหลัก ๆ คือให้ตัดชื่อบุคคลออก โดยที่เนื้อหาสาระอย่างอื่นไม่ได้เปลี่ยนแปลง และการอภิปรายครั้งนี้ไปที่ตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้งต้องมีการพาดพิงถึงคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และครั้งนี้ในญัตติเราก็เขียนไว้ชัดเจนว่าอภิปรายนายกฯ ในแง่ที่ว่านายกฯยอมให้นายทักษิณชี้นำ ชักใยอยู่เบื้องหลัง เพราะฉะนั้นการอภิปรายครั้งนี้ไม่ว่าอภิปรายพาดพิงใครก็ตาม ตามกรอบญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราอภิปราย น.ส.แพทองธารเพียงผู้เดียว
เมื่อถามว่า มั่นใจในการวางตัวเป็นกลางของประธานสภาหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า มั่นใจมากขึ้น จึงเป็นที่มาว่า ทำไมต้องรอให้ใช้เวทีที่ประชุมสภา ซึ่งมีการถ่ายทอดสด ให้ประธานสภาพูดไว้ มีบันทึกในที่ประชุมก่อน เชื่อว่าเวทีแบบนี้ จะผูกมัดพวกเราทุกคน ให้มีความรับผิดชอบต่อคำพูดของตนเอง ไม่ใช่มีอะไรก็ตกลงกันด้านหลัง โดยที่ประชาชนไม่รับรู้ และหากผู้ที่ถูกพาดพิง ต้องการใช้สิทธิจะชี้แจง หรือฟ้องร้อง ก็เป็นสิทธิที่ทำได้ตลอดเวลา แต่พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะพาดพิงบุคคลใดก็ต้องมีข้อเท็จจริง คงไม่พาดพิงซี้ซั้ว ซึ่งจะนำมาสู่การดำเนินคดีของพวกเราเอง
“หากพวกเราพาดพิงคนที่ถูกพาดพิงก็สามารถฟ้องร้องได้ และพวกเราก็มีข้อมูลที่จะไม่พาดพิงซี้ซั้วจนนำมาสู่การฟ้องร้อง ขณะเดียวกันผมเชื่อว่านายทักษิณก็เป็นบุคคลสาธารณะ หากต้องการจะชี้แจงต่อประชาชน สื่อมวลชนย่อมให้ความสนใจอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาชี้แจงในสภาก็ได้ หรือหากท่านจะมาในสภาพวกผมก็ยินดี แต่ถ้าไม่มา ก็สามารถใช้เวทีใด ๆ ชี้แจงได้อยู่แล้ว
ส่วนเหตุผลการเปลี่ยนคำก็เพื่อที่จะให้กระบวนการเดินหน้าต่อไปได้ โดยที่ยังไม่เสียหลักการ และประธานสภาก็ยอมรับว่าเราไม่เห็นด้วยกับการวินิจฉัยของท่านได้ เพียงแต่เพื่อให้กระบวนการเดินหน้าไปได้ เราจำเป็นต้องปรับคำ” นายณัฐพงษ์กล่าว