วิสุทธิ์ คุมหางเสือศึกซักฟอกรัฐบาล เห็นใจทักษิณ ฝ่ายค้านไม่ก้าวข้าม ลากเข้าสภา

วิสุทธิ์ ไชยณรุณ
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ
ผู้เขียน : ณัฐวุฒิ กรัณยโสภณ

“วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” ประธานวิปรัฐบาล เป็นคนดั้งเดิมตั้งแต่ยุคไทยรักไทย จนถึงเพื่อไทย

เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ในสภานานเกิน 2 ทศวรรษ

วันนี้เขาคือผู้คุมหางเสือในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกของรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ที่ต้องเผชิญหน้ากับพรรคประชาชน

ประชาชาติธุรกิจ สนทนากับ “วิสุทธิ์” ถึงการรับศึกซักฟอกรัฐบาล โดยเฉพาะฝ่ายค้านตั้งเป้าอภิปราย โยงถึงคนนอกที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร”

ศึกแรกนายกฯอิ๊งค์

วิสุทธิ์กล่าวถึงการเตรียมพร้อมสู้ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ฝ่ายรัฐบาลเตรียมพร้อมมาหลายสัปดาห์แล้ว เรายินดีอยู่แล้วไม่เป็นปัญหา

ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นศึกแรกของ “แพทองธาร” วิสุทธิ์ไม่กังวล เพราะอย่าลืมว่า นายกฯแพทองธาร เกิดในบ้านนายกรัฐมนตรี และอยู่ในการเมืองมาตลอด ไม่ชมหัวหน้าพรรคตัวเองนะ แต่การตอบกระทู้ในสภา หรือการตอบคำถามผู้สื่อข่าว ท่านตอบด้วยความมั่นใจ เชื่อในบุคลิกของนายกฯ ท่านทำงานฉับไว ไม่มีความกังวลแทนนายกฯสักนิด อยากให้ประชาชนติดตามว่า นายกฯจะตอบอย่างไรในสภา ในฐานะ สส.ในสภา มั่นใจในตัวนายกฯมาก

ADVERTISMENT

รัฐมนตรีช่วยแจงได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าจะอภิปรายนายกฯ เพียงคนเดียว รัฐธรรมนูญ 2560 เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องชี้แจงได้ ไม่เหมือนรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ถ้าอภิปรายนายกฯคนเดียว ในยุคนายกฯปู (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ห้ามไม่ให้คนอื่นตอบแทน แต่ใช้สิทธิพาดพิงได้

ดังนั้น ต้องบอกพี่น้องประชาชนว่า นายกฯไม่ใช่จะรู้ทุกเรื่อง รู้ทุกรายละเอียด บางทีรัฐมนตรีที่กำกับกระทรวงจะรู้รายละเอียดได้ดีกว่า แต่ที่เป็นเรื่องหลัก ๆ ผมเชื่อว่า ท่านนายกฯจะตอบเอง ประชาชนจะได้ติดตาม ได้ทราบว่าที่ฝ่ายค้านกล่าวหารัฐบาล และรัฐบาลชี้แจงอย่างไร เป็นวิธีหนึ่งที่นายกฯ ได้แถลงผลงานในสภา มั่นใจนายกฯผ่านฉลุย ผมเจอนายกฯ ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส สบายใจได้

ADVERTISMENT

ในพรรคเพื่อไทยไม่ได้คิดว่าจะต้องตั้งองครักษ์พิทักษ์นายกฯ แต่พรรคต้องดูข้อบังคับให้เข้มข้นขึ้น ถ้าไม่ผิดข้อบังคับเราไม่ประท้วง เปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านอภิปรายเต็มที่ แต่ถ้าสิ่งไหนฝ่ายค้านทำผิดข้อบังคับก็เป็นหน้าที่ของเราในฐานะ สส.ฝ่ายรัฐบาล ต้องประท้วง แต่อยู่ในข้อบังคับแน่นอน ไม่พร่ำเพรื่อทำให้ประชาชนรำคาญ

ปัดบีบฝ่ายค้านถอดชื่อทักษิณ

“ส่วนตัวท่านบอกว่า ไม่ได้กังวลอะไร ท่านมีความพร้อม เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีปัญหาเรื่องการทุจริต แม้จะมีความพยายามลากเอาคนข้างนอก (ทักษิณ ชินวัตร) เข้ามาอยู่ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีปัญหากับรัฐบาล ใครก็ตามที่พูดว่า ฝ่ายรัฐบาล หรือประธานสภา กลั่นแกล้ง…ไม่จริง”

ทุกคนก็รู้อยู่ว่าญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ผิดมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ ที่การอภิปรายจะต้องอภิปรายนายกฯ หรือคณะรัฐมนตรี เท่านั้น นอกจากนั้นไม่ได้ ซึ่งประธานสภายืนหลักนี้ถือว่าถูกต้อง หลักกฎหมาย หลักรัฐธรรมนูญ ยอมกันไม่ได้ ทุกอย่างต้องตรงไปตรงมา

จะอภิปรายท่านทักษิณ ผมไม่ทราบว่าท่านทักษิณดูแลกระทรวงไหน ท่านเป็นคนข้างนอก ท่านให้ข้อคิดข้อเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน บางอย่างที่ท่านพูดรัฐบาลเอาไปปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นเรื่องดี เพราะท่านเคยเป็นนายกฯมาสองสมัย ประชาชนก็มีความสุขดี เพราะเศรษฐกิจดี และขณะนี้ท่านทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน ต่างชาติยังยอมรับในความรู้ความสามารถ

การที่ท่านทักษิณ ให้คำแนะนำเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติด ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ท่านพูดในฐานะประชาชนคนหนึ่ง แต่วันนี้เป็นพ่อท่านนายกฯ ไม่ใช่เรื่องอะไรหนักหนา ทุกคนรู้ทั้งโลกว่าพ่อเป็นอดีตนายกฯ ลูกเป็นนายกฯ ขณะนี้ ต้องยอมรับว่าสติปัญญา ความรู้ความสามารถ ถ้าให้คำแนะนำรัฐบาลในทางที่เป็นประโยชน์ได้ก็เป็นเรื่องดี ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

ทักษิณไม่ใช่บุคคลต้องห้าม

ทำไม ทักษิณ ถึงเป็น “บุคคลต้องห้าม” ไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปราย ทั้งที่มีส่วนแนะนำรัฐบาลหลายเรื่อง “วิสุทธิ์” แย้งว่า ไม่ได้ห้าม ถ้าไม่ผิดข้อบังคับ ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ แต่วันนี้ญัตติผิดรัฐธรรมนูญ ดังนั้น อะไรที่ผิดก็อย่าได้ทำ ผมอยู่ในสภามา 20 กว่าปี ไม่เคยมีสมัยไหนที่เราอภิปรายคนข้างนอก ไม่เคยมี… ดังนั้นการจะทำอะไรที่ขัดข้อบังคับ หรือขัดรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ควรปฏิบัติ ไม่เฉพาะท่านทักษิณ แต่ใครก็แล้วแต่ที่เป็นบุคคลข้างนอก ฝ่ายค้านยอมเหรอ หลักการสภามี ท่านทักษิณอยู่ข้างนอกจะให้มาตอบในสภา

ห้ามพูดชื่อทักษิณโดยไม่จำเป็น

การที่ฝ่ายค้านแก้ญัตติไม่ใส่ชื่อ “ทักษิณ” แต่ใส่ประโยคอื่นที่รู้ว่า คือคุณทักษิณ จะทำได้หรือไม่ วิสุทธิ์ตอบว่า การเขียนญัตติกับการอภิปรายไม่เหมือนกัน เพราะญัตติที่เขียนคือการประกาศว่าจะอภิปรายคนภายนอกคนนี้ แต่ถ้าญัตติไม่มีชื่อคุณทักษิณ และญัตติบรรจุแล้ว ฝ่ายค้านจะอภิปรายบุคคลภายนอกก็ทำได้ เพราะข้อบังคับเขียนไว้ชัดเจนว่า ไม่สามารถอภิปรายบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็น ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูดถึง เพราะเขาไม่มีสิทธิชี้แจงในสภาได้ แต่ถ้าอภิปรายคนภายนอกซ้ำแล้วซ้ำอีก มีการตักเตือนแล้วไม่ฟัง ถ้าเกิดความเสียหาย ฝ่ายค้านต้องรับผิดชอบทางคดีเอาเอง

ถามแย้งว่าคุณทักษิณให้คำแนะนำรัฐบาลหลายเรื่อง และรัฐบาลก็เดินตามแนะนำ เช่น การแจกเงินดิจิทัลวอลเลต ทำไมฝ่ายค้านจึงแตะไม่ได้ “วิสุทธิ์” ชี้แจงว่า ผมเชื่อว่าบางเรื่องที่ท่านทักษิณไปพูดก่อน คิดว่าท่านคงจะได้ยินจากการปรึกษาหารือของนายกฯ หรือคุยกับทีมงาน บางเรื่องที่ท่านทักษิณพูด ผมก็รู้ สส.ก็รู้ เช่น จะแจกเงินเดือนนั้นเดือนนี้ พอท่านทักษิณไปพูดก็เป็นข่าว เพราะมีคนติดตามเยอะ อาจทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจ

ในฐานะที่อยู่ในสภามานาน การอภิปรายในสภาระหว่างการมีชื่อ “ทักษิณ” กับไม่มีชื่อ “ทักษิณ” มีผลทางการเมืองอย่างไร วิสุทธิ์ตอบว่า ผมเชื่อมั่นว่า บางฝ่ายอยากให้มีเรื่องนี้เกิดขึ้น อยากให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ ก็เป็นการดิสเครดิตคนนั้นคนนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องยอม ถ้าอยากอภิปรายจริง ๆ ฝ่ายค้านต้องแก้ญัตติ อย่าไปออกตัวแรงว่าไม่แก้ ไม่แก้ เพราะสุดท้ายก็ต้องแก้ญัตติ

ฝ่ายค้านไม่ก้าวข้ามทักษิณ

แต่เมื่อ “ทักษิณ” คือ “บุคคลล่อเป้า” จะถอดชื่อนี้ออกจากสมการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ “วิสุทธิ์” กล่าวว่า “ผมเห็นใจท่านทักษิณ ทุกครั้งที่ไม่ว่าใครมาเป็นฝ่ายค้านก็จะบอกว่า พรรคเพื่อไทยไม่ก้าวข้าม ทุกวันนี้พวกผมไม่เอ่ยชื่อท่านทักษิณในสภา แต่มีคนที่ไม่ก้าวข้ามอีกเยอะที่ใช้ประโยชน์ตรงนี้มากล่าวหา”

“ต้องเข้าใจการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นฝ่ายค้านกล่าวหา ให้ร้ายรัฐบาล สุดท้ายคนที่เป็นรัฐมนตรีจะต้องชี้แจงประเด็นที่กล่าวหาให้ได้ โดยมีประชาชนเป็นผู้ตัดสิน แต่วันนี้หลายฝ่ายพยายามลากท่านทักษิณมาให้ได้ ผมถามว่ากลัวท่านหรือไง กลัวความคิด กลัวสติปัญญาท่านหรือไง ถ้าไม่กลัวก็อย่าเอามาเล่น แต่ถ้าเล่นก็ไม่เป็นไร คนที่ไปกล่าวหาใส่ร้ายท่าน ก็รับผิดชอบทางคดีเอาเอง”

“สส.ในพรรคเพื่อไทยพูดว่า จะไม่ประท้วงโดยไร้สาระ ข้อบังคับเขียนไว้อย่างไร เราก็ประท้วงตามข้อบังคับ แต่ถ้าไม่ใช่ เราจะไม่แตะต้อง ถ้าพูดถึงบุคคลภายนอกโดยไม่เสียหายก็ไม่เป็นไร จะมาสรรเสริญท่านทักษิณ มีประสบการณ์ แนะนำรัฐบาลดี พวกผมไม่ว่าอะไร ยินดี เต็มที่ แต่ถ้าพูดทำให้เกิดความเสียหาย ผมก็ต้องเต็มที่”

ในฐานะอยู่บ้านเพื่อไทย ตั้งแต่ยุคไทยรักไทย “วิสุทธิ์” เชื่อว่า เหตุผลที่หลายฝ่ายไม่ก้าวข้ามชื่อ “ทักษิณ” เป็นเพราะ “ท่านมีพลังความคิด มีพลังสติปัญญา สามารถนำการเปลี่ยนแปลงได้ หลายคนก็คงกลัวท่าน ให้พูดชัด ๆ”

แล้วทุกวันนี้ “ทักษิณ” ยังมีพลังอยู่หรือไม่ ประธานวิปรัฐบาลตอบว่า “ผมว่ายังมีอยู่ พลังความรู้ความสามารถ ถึงได้เป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียนไงครับ แสดงว่าพลังความคิด สติปัญญายังเฉียบแหลม ยังเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองเรา”

ชื่อ “ทักษิณ” มีความสำคัญสำหรับพรรคเพื่อไทย เพราะท่านเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย พวกเราอยู่ใต้การดูแลของท่านมาตลอดตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ท่านไม่เคยทอดทิ้ง สส.ที่มีอุดมการณ์ และทิศทางเดียวกัน พวกเราอยู่กับท่านด้วยความเคารพเสมอ

เก็งข้อสอบฝ่ายค้าน

เราอยู่ในสภามานานอ่านออกหมด ที่ฝ่ายค้านยื่นกระทู้ถามสดทั่วไปนั่นแหละ ที่จะหยิบมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ส่ง ข้อสอบ เป็นความลับ…ไม่จริงหรอกครับ

ที่ต้องถูกอภิปรายแน่ ๆ คือการส่งชาวอุยกูร์ การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัญหาชายแดน เชื่อว่าท่านภูมิธรรม (เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม) ไม่กังวล ตอบได้อยู่แล้ว

เป้าใหญ่กรณีชั้น 14 น่ากลัวหรือไม่ วิสุทธิ์ตอบว่า ไม่น่ากลัว เพราะท่านทักษิณมาในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ นะครับ ในขณะนั้นท่านทักษิณกล้ากลับมา คิดว่าท่านต้องมีสัญญาณอะไรดี ๆ บางเรื่องบางอย่าง ท่านจึงเลือกกลับมาในช่วงนั้น และคนที่ส่งท่านทักษิณไปชั้น 14 ก็คือ นายกฯประยุทธ์ อาจารย์วิษณุ เครืองาม ที่กำกับดูแลฝ่ายกฎหมาย เป็นคนส่งไป ไม่ใช่ท่านเศรษฐา (ทวีสิน อดีตนายกฯ) ไม่ใช่ลูกสาว (แพทองธาร) ผมเชื่อว่าท่าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สามารถตอบได้ชัดเจน ทั้งเรื่องทางกฎหมาย และวิธีปฏิบัติ ไม่มีปัญหา ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว

ไม่กังวลเสียงพรรคร่วม

ขณะเดียวกันความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล จะส่งผลต่อคะแนนโหวตไว้วางใจนายกฯ ทำให้เสียงดู “ขี้เหร่” หรือไม่ ประธานวิปกล่าวว่า ผมไม่ได้กังวล ความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลต้องมีเป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่ในพรรคผม ผมสารภาพเลย ผมเป็นประธานที่ประชุมพรรค กว่าจะจบแต่ละเรื่อง เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นเต็มที่ มีทั้งฝ่ายเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย สุดท้ายมติพรรคเป็นอย่างไรก็ปฏิบัติตาม

แม้แต่ในพรรคร่วมรัฐบาลมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ในขณะนั้น แต่อีกระยะหนึ่งเขาก็อาจเปลี่ยนใจได้ บางอย่างก็กลับมาเจรจากันเพื่อประโยชน์ชาติ บ้านเมือง มาปรึกษาหารือกัน เมื่อเข้าใจก็ไปในทิศทางเดียวกันได้

ครั้งนี้ไม่กังวล แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ทุกครั้งการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีคนป่วย แอดมิตอยู่ในโรงพยาบาล หายไป 3 เสียง 5 เสียง เป็นเรื่องปกติเกิดขึ้นในสภาอยู่แล้ว

เปิดแผลพรรคร่วม-ปรับ ครม.

ขณะเดียวกัน พรรคร่วมรัฐบาลอาจถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจหลายประเด็น วิสุทธิ์ไม่กังวล ยินดีฝ่ายค้านช่วยตีแผ่ เรื่องไหนที่ไม่ถูกต้อง ส่อไปทางทุจริต ส่อไปทางผิดพลาดในการบริหารประเทศ เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่นี้ และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะชี้แจงทุกประเด็นที่ฝ่ายค้านกล่าวหา ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน

ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลถูกเปิดแผลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรีส่วนของพรรคร่วมหรือไม่ วิสุทธิ์ขอตอบว่า การตอบ ครม. สื่อชอบถามผมหลายครั้ง เป็นอำนาจของนายกฯโดยแท้ ส่วนผมเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ผมจะพูดในอำนาจหน้าที่ของผม ไม่ก้าวล่วงฝ่ายบริหาร

มั่นใจกลับมาเป็นรัฐบาล

เกมในฝ่ายนิติบัญญัติ พรรคเพื่อไทย เป็นฝ่ายตามพรรคประชาชน จะทำอย่างไรพลิกกลับมาเป็นฝ่ายกำหนดเกมบ้าง ประธานวิปรัฐบาล ยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค อาจมีปัญหาบ้าง แต่หลายเรื่องเราก็นำไปเยอะ ดังนั้น การนำเรื่องใดเข้าสู่สภาต้องปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่เพื่อคอนเทนต์ ดังนั้น การเสนอกฎหมายต่าง ๆ เราทำหน้าที่ได้ดีขึ้น ฝ่ายรัฐบาลเสนอกฎหมาย ออกกฎหมาย แก้กฎหมายหลายฉบับที่เกิดประโยชน์แก่ประชาชน อย่าง พ.ร.บ.ประมง

ทำอย่างไรให้พรรคเพื่อไทยกลับมาชนะได้อีกรอบ เขาบอกว่า ต้องทำหน้าที่ให้หนักกว่านี้ อะไรที่เป็นปัญหาของประชาชนเราต้องทำ กระแสใน กทม. กระแสในโซเชียล กับประชาชนในชนบทต่างกัน ชาวบ้านดีใจมากเรื่องนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ป่วยที่ไหนก็เข้าโรงพยาบาลได้ พี่น้องชาวใต้ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ราคายางเพิ่มขึ้นเกือบ 100% ราคาปาล์มเกือบ 10 บาท อาจจะมีบางตัวที่อยู่ระหว่างการแก้ไข เช่น ข้าวนาปรัง มันสำปะหลัง

หลายอย่างเราทำดี ประชาชนมีความสุข คนที่ได้รับเงิน 10,000 บาท ในรอบแรก บางบ้านได้รวมกัน 4-5 หมื่น ก็เอาเงินไปซ่อมบ้าน ประชาชนชื่นชม ผมเชื่อว่าเราจะชนะการเลือกตั้งและกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง

วิสุทธิ์ ปิดท้ายว่า ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นหน้าที่ของนายกฯ ที่แสดงฝีมือในการบริหาร ท่านเกิดในครอบครัวที่ทำธุรกิจ นายกฯ ที่เก่งทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ เชื่อว่าจะนำพรรคเพื่อไทยกลับไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งข้างหน้า